กลุ่มเฝ้าระวังอ้างออสเตรเลียทราบล่วงหน้าว่าหมายแดงจับนาย อัล-อะไรบี ของตำรวจสากลนั้นเป็นโมฆะ

NEWS: จดหมายซึ่งส่งถึงนายปีเตอร์ ดัตตัน อ้างว่าตำรวจสหพันธรัฐของออสเตรเลียนั้นทราบล่วงหน้าแล้วว่าหมายแดงโดยประเทศบาห์เรนนั้นเป็นโมฆะ

Image of Mr. Hakeem Al-Araibi being detained by Thai police in Bangkok

Source: AAP/SBS News

You can read the full version of this story in English on SBS News .

กลุ่มเฝ้าระวังความยุติธรรมด้านอาชญากรรมนานาชาติได้เผยแพร่จดหมายซึ่งวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลออสเตรเลียว่ามีส่วนช่วยในเหลือการควบคุมตัวผู้ลี้ภัยชาวบาห์เรน นายฮะคีม อัล-อะไรบี

นายอัล-อะไรบีเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรของประเทศออสเตรเลียและเป็นนักฟุตบอลกึ่งมืออาชีพ ซึ่งขณะนี้เขากำลังเผชิญกับการที่อาจถูกส่งกลับประเทศบาห์เรนหลังจากถูกจับด้วยหมายแดงของตำรวจสากลเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพมหานครกับภรรยาของเขาเมื่อเดือนพฤศจิกายน
Detained Melbourne-based refugee Hakeem al-Araibi has thanked Australia for supporting him as he fears deportation from Thailand to his native Bahrain.
Detained Melbourne-based refugee Hakeem al-Araibi is facing deportation from Thailand to his native Bahrain. Source: AAP
ในจดหมายซึ่งจ่าหน้าถึงรัฐมนตรีมหาดไทย นายปีเตอร์ ดัตตัน และลงวันที่ 12 ธันวาคม กลุ่มเพื่อการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมหรือแฟร์ไทรอัลส์ (Fair Trials) ได้กล่าวหาตำรวจสหพันธรัฐ (เอเอฟพี) ของออสเตรเลียว่าทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับนโยบายผู้ลี้ภัยของตำรวจสากล ซึ่งระบุว่าไม่อนุญาตให้มีหมายแดงต่อผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยหากว่าคำเตือนดังกล่าวถูกขอมาจากประเทศซึ่งพวกเขามีความนั้นหวาดกลัวว่าจะถูกเอาผิด


โดยจดหมายดังกล่าวมีใจความว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเอเอฟพีซึ่งเป็นสำนักงานศูนย์กลางแห่งชาติของออสเตรเลียสำหรับตำรวจสากล ควรจะตระหนักดีอยู่แล้วเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว และหากว่าทางเอเอฟพีทราบเกี่ยวกับสถานะการเป็นผู้ลี้ภัยของนายอัล-อะไรบีแล้วล่ะก็ ทางหน่วยงานก็จะต้องทราบว่าหมายแดงจากประเทศบาห์เรนสำหรับเขานั้นเป็นโมฆะ”
Hakeem Al-Araibi in Thai police custody.
นายฮะคีม อัล-อะไรบี ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศไทย (AAP) Source: AAP
“ความพยายามใดๆ ของทางเอเอฟพีเพื่ออ้างเหตุผลต่อสิ่งที่พวกเขาได้ทำ ว่าอยู่บนพื้นฐานของการมีเจตนาดีเพื่อให้มีความร่วมมือกันระหว่างตำรวจนั้น เป็นข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น”

วีซ่าของนายอัล-อะไรบีอนุญาตให้เขาอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้โดยไม่มีกำหนด และสามารถเดินทางออกจากประเทศและเข้าประเทศได้ ตราบใดที่เขานั้นไม่เดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิด

แต่ก็ได้มีการเปิดเผยว่าสำนักงานตำรวจสากลแห่งชาติของออสเตรเลียนั้นได้ชี้เบาะแสให้กับทางประเทศไทยก่อนที่นายอัล-อะไรบีจะเดินทางไปถึง

โดยที่หากประเทศไทยดำเนินการเพื่อส่งตัวเขากลับ ก็จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ

รัฐบาลบาห์เรนกล่าวหาว่า นักฟุตบอลคนดังกล่าว “จงใจจู่โจมสถานีตำรวจแห่งหนึ่งด้วยระเบิดซึ่งทำขึ้นเอง” เมื่อปี ค.ศ. 2012 แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าวิดิโอซึ่งถูกเผยแพร่โดยสถาบันเพื่อสิทธิและประชาธิปไตยแห่งบาห์เรนนั้นแสดงให้เห็นว่านายอัล-อะไรบีกำลังเล่นฟุตบอลอยู่ในแมตช์การแข่งขันที่ได้รับการถ่ายทอดสดระหว่างเวลาที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
จดหมายจากกลุ่มเพื่อการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมระบุว่า “กลุ่มแฟร์ไทรอัลส์เข้าใจดีว่ามีความจำเป็นที่เร่งด่วนเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกันของตำรวจข้ามพรมแดน แต่ทว่าเรื่องนี้นั้นจำเป็นจะต้องขึ้นอยู่กับข้อคุ้มกันต่างๆ ซึ่งมีไว้ปกป้องมิให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนดังเช่นในกรณีต่างๆ ที่นายอัล-อะไรบีกำลังเผชิญอยู่”

“นี่เป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่า เพราะเหตุใดตำรวจสากลจึงมีกฎต่างๆ ซึ่งตั้งเอาไว้เพื่อเคารพสิทธิมนุษยชน และป้องกันการใช้หมายจากแรงจูงใจทางการเมือง มันสำคัญมากที่ประเทศออสเตรเลียจะต้องดำเนินการในลักษณะเดียวกัน”

“เราเชื่อว่าขั้นแรกที่กระทรวงมหาดไทยควรจะทำเพื่อป้องกันไม่ให้มีกรณีเช่นของนายอัล-อะไรบีเกิดขึ้นอีกในอนาคต ก็คือการยอมรับว่ายังสามารถปรับปรุงได้อีก - ไม่ใช่ออกมาปกป้องการกระทำต่างๆ ที่ฟังไม่ขึ้นแล้วก็ไปโทษประเทศอื่นๆ”
เมื่อวานนี้

“มันเป็นกรณีโศกนาฏกรรม และเราจำเป็นจะต้องทำอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ในฐานะชุมชนฟุตบอล เพื่อนำเขากลับบ้าน” ผู้บริหารสูงสุดของฟุตบอลวิกตอเรีย นายปีเตอร์ ฟิโลพูลอสกล่าวผ่านวิดิโอทางโซเชียลมีเดีย

“นำเขากลับมายังรัฐวิกตอเรียที่ออสเตรเลีย เพื่อให้เขาสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ตามที่เขาเลือกที่จะอยู่ที่นี่ ที่ออสเตรเลียซึ่งเขาเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรระดับรองต่างๆ ในแนชันนอลพรีเมียร์ลีก สำหรับ(ทีม)ปาสโคเวล”
Filopoulos
Former Perth Glory CEO Peter Filopoulos Source: @SportsdayWA
โดยองค์กรซึ่งควบคุมฟุตบอลโลกหรือฟีฟ่า (FIFA) นั้นก็ได้ผลักดันให้มีการปล่อยตัวนักฟุตบอลคนดังกล่าว

ในขณะที่กำลังเขียนข่าวนี้ ก็มีการรณรงค์ทางโกฟันด์มี (GoFundMe) ซึ่งตั้งเป้าที่จะเรี่ยไรเงินให้เพียงพอต่อการว่าจ้างทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยให้กับนายฮะคีม โดยมียอดที่ $4522 ดอลลาร์แล้ว

แฟร์ไทรอัลนั้นเป็นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระดับนานาชาติซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน กรุงบรัสเซลส์และกรุงวอชิงตันดีซี
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 27 December 2018 12:27pm
Updated 27 December 2018 12:29pm
By Maani Truu
Presented by Tanu Attajarusit


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand