ข้อจำกัดในวิกตอเรียกำลังจะเปลี่ยนไป นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้

ชาวรัฐวิกตอเรียจะกล่าวอำลาการล็อกดาวน์ก่อนกำหนดเดิมในสัปดาห์นี้ นี่คือสิ่งที่ประชาชนในเมลเบิร์นและในพื้นที่ส่วนภูมิภาคของวิกตอเรียจะสามารถทำได้ตั้งแต่วันศุกร์นี้ (22 ต.ค.) เป็นต้นไป

People are seen exercising and socialising at Albert Park Lake in Melbourne, 19 September 2021.

Victoria will emerge from its sixth lockdown on Friday. Source: AAP

นี่จะเป็นสัปดาห์แห่งความสุขสำหรับชาวรัฐวิกตอเรียที่จะออกจากการล็อกดาวน์ครั้งที่ 6 ในวันศุกร์ (22 ต.ค.) โดยในสัปดาห์นี้คาดว่ารัฐวิกตอเรียจะบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนครบสองโดสให้แก่ประชากรร้อยละ 70 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมเกือบหนึ่งสัปดาห์

ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนแม่บทการปลดล็อกดาวน์ของรัฐวิกตอเรีย เพื่อยกเลิกการจำกัดการเดินทางและยกเลิกเคอร์ฟิวหรือการห้ามออกจากเคหสถานในยามวิกาลสำหรับชาวเมลเบิร์น และอนุญาตให้ชาวเมลเบิร์นพบปะกับผู้อื่นที่บ้าน ที่ร้านอาหาร ผับ ร้านกาแฟ (hospitality venues) ได้ และสามารถรวมกลุ่มกันได้เป็นจำนวนมากขึ้นกลางแจ้ง แต่มีข้อแม้ว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ทุกคนที่อายุ 12 ปีขึ้นไปจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

ชาวรัฐวิกตอเรียในภูมิภาคที่ได้รับการฉีดวัคซีนสองโดสแล้ว จะสามารถทำกิจกรรมทางสังคมและกิจกรรมนันทนาการได้มากขึ้นตั้งแต่วันศุกร์

มุขมนตรี แดเนียล แอนดรูส์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า เป็น "วันที่ยอดเยี่ยม" สำหรับวิกตอเรีย และกล่าวว่าเขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับชาววิกตอเรีย 5 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส

“ชาวรัฐวิกตอเรียได้เสียสละอย่างมากเพื่อปกป้องครอบครัว เพื่อนฝูง และชุมชนทั้งหมดของเรา ให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโคโรนา และได้ช่วยรักษาชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนด้วยเหตุนี้

“หลักชัยที่เรากำลังจะบรรลุเป็นเส้นทางใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังสำหรับทั้งรัฐ ซึ่งเราจะสามารถอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง และชาวรัฐวิกตอเรียได้กลับไปทำในสิ่งที่พวกเขารักได้” นายแอนดรูส์ บอกกับผู้สื่อข่าว

เหตุใดแผนแม่บทจึงเปลี่ยนแปลงไป ชาวเมืองเมลเบิร์นและชาววิกตอเรียในภูมิภาคจะทำอะไรได้บ้างตั้งแต่วันศุกร์ (22 ต.ค.) และจะเป็นอย่างไรต่อไปหลังจากนั้น

เหตุใดแผนแม่บทจึงเปลี่ยนไป

แผนแม่บทของรัฐวิกตอเรียเพื่อบรรลุแผนแห่งชาติ ยึดตามตามแบบจำลองสถานการณ์ของสถาบันเบอร์เน็ต ซึ่งแผนแม่บทนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนโดยคำนึงถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่พุ่งสูงขึ้นและระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ของผู้ติดเชื้อโควิด-19

นายแอนดรูส์ กล่าวว่ารัฐวิกตอเรียมีอัตราการฉีดวัคซีนเป็นที่น่าพอใจและเป็นไปตามแผน โดยประชากรอายุ 16 ปีขึ้นไปในรัฐวิกตอเรียถึงร้อยละ 88.05 ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส และร้อยละ 65.02 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว

อัตราการฉีดวัคซีนของประชากรเหล่านี้ช่วยให้รัฐวิกตอเรีย สามารถผ่อนคลายข้อจำกัดได้เพิ่มขึ้น เมื่อประชากรร้อยละ 70 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว ซึ่งการผ่อนคลายข้อจำกัดบางอย่างไม่ได้ระบุไว้ในแผนแม่บทก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงการมีผู้มาเยี่ยมบ้านได้ และอนุญาตให้มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากขึ้นสำหรับธุรกิจบางประเภท

อะไรที่จะเปลี่ยนแปลงไปสำหรับชาวเมลเบิร์นในวันศุกร์นี้

ตั้งแต่เวลา 23.59 น. ของคืนวันพฤหัสบดี ชาวนครเมลเบิร์นสามารถมีผู้มาเยี่ยมบ้านได้ไม่เกิน 10 คนต่อวัน (รวมเด็ก)

เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถทำได้อย่างปลอดภัย หน่วยงานด้านสุขภาพได้แนะนำให้ชาวรัฐวิกตอเรียอนุญาตเฉพาะผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วเท่านั้น ที่จะไปเยี่ยมตนที่บ้านได้

ผู้คนที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกินกลุ่มละ 15 คนจะสามารถรวมกลุ่มกลางแจ้งได้ ซึ่งนี่จะช่วยให้กิจกรรมกีฬาชุมชนสามารถกลับมาทำได้ โดยต้องจำกัดจำนวนผู้เล่นให้น้อยที่สุด

ในเขตมหานครของเมลเบิร์น เคอร์ฟิวหรือการห้ามออกจากเคหสถานในยามวิกาลและรัศมีการเดินทาง 15 กม. จะถูกยกเลิกไป แต่การเดินทางระหว่างส่วนภูมิภาคของรัฐวิกตอเรียและเขตมหานครเมลเบิร์นจะสามารถทำได้เฉพาะสำหรับเหตุผลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

ธุรกิจการด้านการบริการ (hospitality venues) ที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และผับ จะสามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้งโดยมีลูกค้าที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกิน 20 คนภายในอาคาร และไม่เกิน 50 คนกลางแจ้ง โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดด้านจำนวนคนต่อพื้นที่ในร้าน
People are seen at a cafe in Centre Place, Melbourne, in February 2021.
Melburnians will emerge from their sixth lockdown this Friday. Source: AAP
สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น สระว่ายน้ำ จะเปิดให้บริการได้สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกิน 50 คนต่อสถานที่ โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดด้านจำนวนคนต่อพื้นที่

นอกจากนี้ การจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมสำหรับสถานที่ในอาคารและกลางแจ้ง จะมีผลบังคับใช้กับการชุมนุมทางศาสนา งานแต่งงาน และงานศพด้วย ซึ่งผู้เข้าร่วมทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน หากไม่ทราบสถานะการฉีดวัคซีนของผู้เข้าร่วม จะอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมสำหรับสถานที่ภายในอาคารไม่เกิน 10 คน เพื่อร่วมงานศพ งานแต่งงาน และการชุมนุมทางศาสนา

ร้านตัดผม ร้านทำผม และบริการดูแลร่างกาย (personal care services) ต่างๆ จะเปิดให้บริการได้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกิน 5 คน

ผู้คนในพื้นที่เขตมหานครเมลเบิร์นจะต้องทำงานจากที่บ้านต่อไปหากทำได้ ในขณะที่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจากที่ทำงาน จะต้องได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส

ไซต์งานก่อสร้างขนาดใหญ่จะกลับมามีคนทำงานในไซต์งานได้เต็มความจุ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จะอนุญาตเฉพาะกรณีที่คนงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว

สถานดูแลเด็กเล็ก (Childcare) จะเปิดให้บริการสำหรับเด็กที่ได้รับการดูแลอยู่แล้วที่นั่น รวมทั้งเด็กที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว

แผนให้นักเรียนกลับไปเรียนที่โรงเรียนถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น โดยจะให้นักเรียนกลับสู่โรงเรียนแบบสับหลีกไม่ให้ตรงกันสำหรับนักเรียนชั้นปีที่ 3 ถึงชั้นปีที่ 11 ในเขตมหานครเมลเบิร์นเริ่มในวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม

ชาวรัฐวิกตอเรียทุกคนจะยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยทั้งในอาคารและกลางแจ้งต่อไป

ชาวรัฐวิกตอเรียในส่วนภูมิภาคจะได้รับอนุญาตให้ทำอะไรได้บ้าง

ในส่วนภูมิภาคของรัฐวิกตอเรีย ประชาชนจะสามารถมีผู้มาเยี่ยมที่บ้านได้ไม่เกิน 10 คนต่อวัน รวมเด็ก ๆ ตั้งแต่วันศุกร์นี้ แต่มีเงื่อนไขว่าทุกคนที่อายุ 12 ปีขึ้นไปจะต้องได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว

ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว 20 คนจะสามารถรวมกลุ่มกันกลางแจ้งได้ ในขณะที่กีฬาชุมชนจะสามารถกลับมาทำได้ภายในอาคาร โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้น้อยที่สุด

สถานที่ในอาคาร เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และฟิตเนสหรือยิม สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วจาก 10 คนเป็น 30 คน ต่อสถานที่

สถานที่กลางแจ้งจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการจากเดิมไม่เกิน 20 คน เป็นไม่เกิน 100 คนต่อสถานที่ แต่ทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วเท่านั้น หากไม่ทราบสถานะการฉีดวัคซีนของผู้เข้าร่วม สถานที่จัดงานจะสามารถมีผู้เข้าร่วมงานได้ทั้งหมดไม่เกิน 20 คน

งานศพและงานแต่งงานได้รับอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วเข้าร่วมได้ไม่เกิน 30 คนภายในอาคาร และไม่เกิน 100 คนกลางแจ้ง

นักเรียนทุกคนสามารถกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้เต็มเวลาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม

จะเป็นอย่างไรเมื่อวิกตอเรียบรรลุเป้าหมายประชากรร้อยละ 80 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว

มุขมนตรีแดเนียล แอนดรูส์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า วิกตอเรียมีแนวโน้มจะบรรลุเป้าหมายประชากรร้อยละ 80 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน

“เราคาดการณ์ว่าเราจะมีประชากรร้อยละ 80 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วในวันแข่งม้าเมลเบิร์นคัพหรือราวช่วงนั้น หรือมันอาจเร็วกว่านั้น 2-3 วัน” นายแอนดรูส์ กล่าว

เมื่อถึงเวลานั้น เมลเบิร์นและส่วนภูมิภาคของวิกตอเรียจะอยู่ภายใต้กฎเดียวกันตามแผนแม่บทดั้งเดิม

การมีผู้มาเยี่ยมที่บ้าน จะได้รับอนุญาตให้มีผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมาหาที่บ้านจะไม่เกิน 10 คนตามเดิม ในขณะที่จำนวนผู้ได้รับวัคซีนที่ได้รับอนุญาตให้รวมกลุ่มกันนอกบ้านจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกินกลุ่มละ 30 คน

กีฬาชุมชนในร่มจะสามารถทำได้โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้น้อยที่สุด ในขณะที่การสวมหน้ากากอนามัยจะบังคับสำหรับภายในอาคารเท่านั้น

ผับ ร้านอาหาร และร้านกาแฟ จะสามารถเปิดให้บริการแบบนั่งที่โต๊ะเท่านั้น โดยสามารถมีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกิน 150 คนภายในอาคาร และไม่เกิน 500 คนกลางแจ้ง

งานแต่งงาน งานศพ และกิจกรรมทางศาสนาสามารถมีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วเข้าร่วมได้ไม่เกิน 150 คนภายในอาคารและไม่เกิน 500 คนกลางแจ้ง

ทางการยังคงแนะนำให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านต่อไปหากทำได้ โดยอนุญาตให้ไปทำงานที่ทำงานได้หากได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว

เมื่อถึงจุดนั้น ร้านค้าปลีกก็จะเปิดให้บริการได้ ขณะที่บริการทำผม เสริมความงาม บริการดูแลร่างกาย (personal care services) จะเปิดให้บริการแก่ผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วได้

นักเรียนทุกคนจะสามารถกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้ โดยโรงเรียนจะมีมาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม ในขณะที่การศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ที่โรงเรียนหรือที่สถานบัน ก็สามารถกลับไปทำได้อีกครั้งสำหรับชาวรัฐวิกตอเรียที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วเช่นกัน

จากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป

เมื่อชาวรัฐวิกตอเรียอายุ 12 ปีขึ้นไปร้อยละ 80 ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว ข้อจำกัดต่างๆ จะสอดคล้องกับระยะดี  (Phase D) ของแผนแห่งชาติ ซึ่งยึดตามข้อมูลของแบบจำลองสถานการณ์ของสถาบันโดเฮอร์ตี (Doherty Institute)

ตามแผนแห่งชาติระยะดี  (Phase D) จะมีการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศ การสิ้นสุดลงของข้อจำกัดต่างๆ และการล็อกดาวน์ มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster shots) ตามความจำเป็น และให้มีผู้เดินทางเข้าประเทศโดยไม่จำกัดจำนวนสูงสุด สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วโดยไม่มีการกักตัว

ในวันอาทิตย์ มุขมนตรีแอนดรูส์ กล่าวว่า ชาวออสเตรเลียสามารถตั้งตารอช่วงก่อนวันคริสต์มาส ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นชาวรัฐวิกตอเรียจะสามารถต้อนรับผู้มาเยือนที่บ้านได้ 30 คน

เขายังกล่าวอีกว่า ชาวรัฐวิกตอเรียจะสามารถ "ตั้งตารอปี 2022 ด้วยความหวังและการคาดหมายถึงสถานการณ์ที่ดีกว่าในอนาคต"

แต่เขากล่าวอย่างชัดแจ้งว่าหนทางยังอีกยาวไกล และชาวรัฐวิกตอเรียควรตระหนักว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นขณะที่ข้อจำกัดต่างๆ ลดลง

“ในอีกไม่กี่สัปดาห์และหลายเดือนข้างหน้า เราจะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มถึงระดับสูงสุด เราจะเห็นจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลถึงระดับสูงสุด และเราจะเห็นผู้คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้” นายแอนดรูส์ กล่าว

“นั่นจะเป็นโศกนาฏกรรมที่เลวร้าย นั่นจะสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับครอบครัว สำหรับคนที่เรารัก และสำหรับเจ้าหน้าที่ในระบบสุขภาพของเรา”

"นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการไปรับการฉีดวัคซีนจึงมีความสำคัญมากๆ "

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนแม่บทการปลดล็อกดาวน์หรือจองการฉีดวัคซีน


คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 18 October 2021 12:09pm
Updated 19 October 2021 2:51pm
By Caroline Riches
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS News


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand