กว่าดิฉันจะหักใจว่าจะไม่มีลูก

“เมื่อถึงเวลาที่จะพยายามมีลูก บางสิ่งบางอย่างในใจของฉันกลับยอมแพ้ ฉันรู้ว่าปกติแล้วก็จะมีความวิตกกังวลเป็นธรรมดาเมื่อเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญๆ ในชีวิต แต่ทว่าคราวนี้มันแตกต่างออกไป”

Serious young woman lying on sofa

การตัดสินใจว่าชีวิตฉันจะไม่มีลูกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย Source: Westend61/Getty

หลายปีที่ผ่านมา ฉันตัดสินใจไม่ได้เสียที ว่าฉันควรจะเป็นแม่คนดีไหม? ฉันต้องการจะมีลูกจริงหรือ? ฉันจะมีความสุขกว่าถ้าไม่มีลูกหรือเปล่า?

ฉันพบกับสามีของฉันตอนที่อายุได้ 29 ปี และเราก็ทึกทักกันเช่นนั้นตลอดว่าเราจะสร้างครอบครัวขึ้นมาด้วยกัน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ ทุกๆ คนเขาทำกัน แต่เมื่อย่างเข้าอายุในช่วงสามสิบปีกว่าๆ ความสงสัยของฉันกลับกลายเป็นความลังเลที่น่าอึดอัดใจเป็นอย่างมาก ฉันครุ่นคิดระหว่าง ‘โอเค เดินหน้าไปเลย’ กับ ‘ไม่นะ พระเจ้า’

ฉันนั่งเรียงรายการ ‘ข้อดี’ ‘ข้อเสีย’ ขึ้นมาราวกับเป็นเด็กสาววัยรุ่น ฉันถึงกับใช้กูเกิลค้นหาว่า ‘ฉันควรจะมีลูกหรือไม่?’ ตอนที่ฉันไปเล่นโยคะ ในระหว่างที่ทำสมาธิกันแทนที่ฉันจะนึกถึงรายการของชำที่จะต้องซื้อเหมือนคนอื่นๆ ฉันกลับใช้เวลาหาตรรกะมาตอบคำถามเรื่องการมีลูก ซึ่งก็เป็นความหมกหมุ่นของฉัน ที่รบกวนจิตใจและน่าเหนื่อยหน่ายตลอดช่วงเวลาอายุ 30 ต้นๆ ของฉัน
ฉันคาดเค้นจากเพื่อนๆ ที่มีลูก ว่าทำไมพวกเขาจึงเลือกเดินสายนั้น อะไรเป็นจุดเปลี่ยนให้ตัดสินใจ
ฉันคาดเค้นจากเพื่อนๆ ที่มีลูก ว่าทำไมพวกเขาจึงเลือกเดินสายนั้น? อะไรเป็นจุดเปลี่ยนให้ตัดสินใจ? พวกเขาก็จะบอกว่า “มันแค่รู้สึกใช่” หรือบางครั้งก็ถึงกับ “แฟนอยากมีมากๆ”

โดยผิวเผินแล้วทั้งฉันและสามีก็อยู่ในสภาพการณ์ที่เหมาะสมมากที่จะเริ่มต้นมีครอบครัว การเงินของพวกเรานั้นมั่นคง มีบ้านซึ่งก็มีพื้นที่เหลือเฟือ และที่สำคัญที่สุดก็คือสามีของฉันนั้นยินดีไม่ว่าฉันจะตัดสินใจไปทางไหนก็ตาม เขาเป็นคนประเภทที่จะรู้ทันทีหากว่านมในตู้เย็นเริ่มจะหมดหรือว่าจะได้เวลาต้องรดน้ำต้นไม้แล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นคนที่พึงพิงได้อย่างแน่นอนหากจะต้องเลี้ยงลูกด้วยกัน

แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ที่จะต้องพยายามจะมีลูก บางสิ่งบางอย่างในใจของฉันกลับยอมแพ้ ฉันรู้ว่าปกติแล้วก็จะมีความวิตกกังวลเป็นธรรมดาเมื่อเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญๆ ในชีวิต แต่ทว่าคราวนี้มันแตกต่างออกไป
แล้วความคิดของฉันก็กระจ่างขึ้นมาในบัดดล: ฉันไม่อยากมีลูก
แล้วความคิดของฉันก็กระจ่างขึ้นมาในบัดดล: ฉันไม่อยากมีลูก

นั่นไง ฉันยอมรับแล้ว ฉันไม่ต้องการจะเป็นแม่คน ความเป็นจริงก็คือ ยิ่งฉันใช้เวลาเพื่อตกผลึกความคิดเรื่องนี้เท่าไร ฉันก็ยิ่งตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าจริงๆ แล้วความขัดแย้งในใจของฉันนั้นมันเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร

ฉันไม่ได้วิตกกังวลเพราะไม่รู้ตัวเองว่าต้องการอะไรกันแน่ แต่ฉันวิตกกังวลเพราะฉันนั้นรู้ชัดเจนดีต่างหากว่าฉันต้องการอะไร และลึกๆ มันก็น่ากลัวมากทีเดียว

การเลือกที่จะไม่มีลูกนั้น เป็นการปฏิเสธนิยามของผู้หญิงว่าเป็นผู้ปลอบประโลม ผู้ให้การดูแล และผู้คอยประคบประหงมเลี้ยงดู การปฏิเสธชีวิตเช่นนั้น การเหวี่ยงบทบาทนั้นทิ้งไป ถ้าในแง่ดีก็จะเป็นแค่การจุดชนวนความอยากรู้อยากเห็นของผู้อื่น แต่ในแง่ร้ายนั้นก็อาจจะพบกับการต่อต้านอย่างรุนแนงเลยก็ได้ ฉันรู้สึกว่าฉันนั้นได้ปฏิเสธต่ออะไรสักอย่างซึ่งเป็นแรงขับดันระดับสัญชาติญาณ ว่ามีเรื่องแสนวิเศษอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งผู้หญิงสามารถทำได้ แต่ทว่าฉันกลับเลือกที่จะไม่ทำ

ฉันกลัวการที่จะทำให้ตัวเองนั้นจะไม่มีความสุข กลัวที่จะกักขังตัวเองให้อยู่ในภาวะแห่งความคับข้องใจตลอดชีวิต และก็กลับมานั่งเสียอกเสียใจกับชีวิตซึ่งฉันไม่ได้ใช้มันอย่างสุดๆ เต็มที่

และฉันก็ยังกลัวต่อการสูญเสียโลกส่วนตัวของฉัน — อย่างที่คุณคาร์สัน แมคคัลเลอส์เรียกไว้ว่า “ห้องที่อยู่ข้างใน” — ซึ่งเป็นที่เก็บสะสมทางอารมณ์ของความสุข และความมหัศจรรย์ต่างๆ ที่จะคอยพยุงชีวิตให้ดำเนินต่อไปอย่างไม่ขาดความคิดสร้างสรรค์

เพื่อนผู้หญิงของฉันหลายๆ คนก็ตกอยูในประเภทไม่แน่ใจเช่นเดียวกันกับฉัน ซึ่งพวกเขาก็จะคอยเป็นกระจกเงาอย่างดีให้ฉันได้ส่อง แต่ในอีกมุมหนึ่ง ครอบครัวของฉันกลับไม่ต้องการสิ่งอื่นใดมากไปกว่าจะเห็นคุณและแฟนของคุณนั้นสืบพันธุ์ และการต่อต้านแรงกดดันในเรื่องนี้ ซึ่งจะมาในรูปของคำถามต่างๆ ระหว่างการสังสรรค์เลี้ยงบาร์บีคิวกันนั้น เรียกว่าน่าเหนื่อยแรงเป็นอย่างมาก
ฉันก็จะสูญเสียอิสรภาพในการที่จะเขียนหนังสือ หรือเก็บข้าวของปุ๊บแล้วก็ออกท่องเที่ยวได้เดี๋ยวนั้นเลย
ฉันก็จะสูญเสียอิสรภาพในการที่จะเขียนหนังสือ หรือเก็บข้าวของปุ๊บแล้วก็ออกท่องเที่ยวได้เดี๋ยวนั้นเลย และแน่นอน ห้องที่อยู่ข้างในใจ ก็ย่อมจะไม่มีอีกต่อไป

คุณเชริล สเตรด์ ผู้ประพันธ์เรื่อง Wild เคยเขียนไว้ว่า ทุกๆ คนนั้นมี “ชีวิตคู่ขนาน” ที่พวกเขานั้นไม่เคยรับรู้ มีหนทางที่พวกเขาไม่ได้เลือก การเป็นแม่ก็เช่นกัน แต่ฉันก็ไม่เคยเสียใจต่อการตัดสินใจของฉันที่จะไม่มีลูก

ความเสียใจของฉันถ้าหากจะมี ก็แค่การที่ฉันก็จะไม่ได้ทดลองใช้ชีวิตคู่ขนานของฉันแม้สักวันเดียว เพื่อเข้าไปอยู่ในบทบาทของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

แต่ทั้งนี้ฉันก็ตระหนักว่า มันเป็นเรื่องของความอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่า ไม่ใช่การที่ฉันนั้นรู้สึกเสียดายแต่อย่างใด

คุณสามารถติดตามคุณโจฮานนา เลกแกตต์ ได้ทางทวิตเตอร์ @johannaleggatt


Share
Published 29 August 2018 12:30pm
Updated 29 August 2018 5:47pm
Presented by Tanu Attajarusit
Source: SBS Life


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand