แม้พยาบาลส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่ตำแหน่งสูงๆ กลับไม่มีที่นั่งให้พวกเธอ

พยาบาลประท้วงต่อต้านการขาดแคลนบุคลากรและสภาพการทำงานที่ยากลำบากหน้ารัฐสภา nsw ในซิดนีย์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2022 Source: AAP

เอสบีเอส ไทย

View Podcast Series

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

ในออสเตรเลีย อาชีพพยาบาลยังคงมีสัดส่วนของผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ แต่งานวิจัยกลับพบว่า ผู้หญิงประสบกับความยากลำบากในการไต่เต้าขึ้นทำงานในระดับหัวหน้าในภาคสาธารณสุข ถึงแม้ว่าพวกเธอจะมีประสบการณ์มากมายก็ตาม

ประเด็นสำคัญ

การพยาบาลและการผดุงครรภ์เป็นบุคลากรถือเป็นหน่วยงานที่มีการจ้างงานมากที่สุดในประเทศ
งานวิจัยพบองค์กรจำกัดพยาบาลหญิงในการได้รับทักษะ และโอกาสในการเป็นผู้นำ
พยาบาลยังมีข้อจำกัดที่ทำให้ผู้หญิงไม่สามารถพัฒนาทักษะข้ามสาขาในภาคสาธาณสุขได้

กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

ตามข้อมูลของรัฐบาล ระบุว่า มีพยาบาลวิชาชีพและพยาบาลผดุงครรภ์ประมาณ 450,000 คนทั่วออสเตรเลีย

การพยาบาลและการผดุงครรภ์เป็นบุคลากรถือเป็นหน่วยงานที่มีการจ้างงานมากที่สุดในประเทศ

Kate Hyett หัวหน้าผู้บริหารของ Everyday Independence ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และครอบครัวที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก NDIS

เธอเป็นพยาบาลวิชาชีพมา 37 ปีแล้ว

เธอกล่าวว่าหนึ่งในความท้าทายในอาชีพหลักที่พยาบาลหญิงต้องเผชิญคือการขาดแบบอย่างของผู้หญิงที่ทำงานในตำแหน่งอาวุโสในอุตสาหกรรมสาธารณสุข

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

เส้นทางสู่การเป็นพีอาร์สำหรับผู้มีทักษะงานพยาบาล

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกเป็นผู้หญิง และ 89 เปอร์เซ็นต์เป็นพยาบาล แต่มีเพียงร้อยละ 25 เท่านั้นที่ผู้หญิงมีบทบาทระดับสูง

งานวิจัยใหม่ที่เผยแพร่โดยมหาวิทยาลัยโมนาช เปิดเผยว่าระบบและองค์กรด้านการดูแลสุขภาพโดยทั่วไปจำกัดพยาบาลผู้หญิงในการได้รับทักษะ แรงจูงใจ และโอกาสในการเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพ เป็นเพราะนโยบาย แนวปฏิบัติ และอคติที่ไม่เท่าเทียมกัน

ศาสตราจารย์ เฮเลนา ทีเด เป็นศาสตราจารย์ด้านสุขภาพสตรีที่มหาวิทยาลัยโมนาช และเป็นผู้เขียนงานวิจัยชิ้นใหม่นี้

เธอกล่าวว่าพยาบาลผู้หญิงเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการได้รับตำแหน่งผู้นำระดับสูงในการดูแลสุขภาพ

เนื่องจากเรามักมองว่าอาชีพพยาบาลไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย เป็นบทบาทการดูแลเอาใจใส่ มีความเป็นผู้หญิงมากกว่า ซึ่งเราเห็นสิ่งนี้ไม่เข้ากันกับการเป็นผู้นำ นี่จึงเป็นอุปสรรคอีกชั้นหนึ่งที่เกิดขึ้น และอีกอุปสรรคอื่นๆ ที่บุคลากรทางการพยาบาลมี ตัวอย่างเช่น หลายคนอพยพมาอยู่ที่ออสเตรเลีย มีภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ดังนั้น พวกเขาไม่เพียงแต่เสียเปรียบเพราะพวกเขาเป็นผู้หญิง แต่ยังเสียเปรียบด้วยเพราะพวกเขาเป็นพยาบาล และเพราะอุปสรรคเพิ่มเติมเหล่านี้

ตามที่ศาสตราจารย์ Teede กล่าว การเปลี่ยนแปลงไม่ควรพุ่งไปที่เฉพาะปัจเจกบุคคลแค่พยาบาลหรือผู้นำเพียงคนเดียวเท่านั้น

เธอกล่าวว่าวิธีแก้ปัญหาควรอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายและวัฒนธรรมทั่วทั้งระบบทั่วทั้งภาคส่วนสาธารณสุข

ฟังเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่นี่