โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดธรรมดา จะบอกความแตกต่างได้อย่างไร

เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โรคโควิด-19 ได้คร่าชีวิตผู้คนในออสเตรเลียไปกว่า 6,600 ราย ขณะที่ไข้หวัดใหญ่ได้คร่าชีวิตผู้คนไป 1,080 รายเมื่อปี 2019 และ 55 รายในปี 2020

Experts believe testing is the best way of diagnosing the disease given identical signs and symptoms of COVID-19, flu and the common cold.

Experts believe testing is the best way of diagnosing the disease given identical signs and symptoms of COVID-19, flu and the common cold. Source: Getty Images/Westend61

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าออสเตรเลียอาจได้พบเห็นกับการกลับมาอย่างรวดเร็วของไข้หวัดใหญ่ และจำนวนผู้เข้ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ ขณะที่หลายรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง และมาตรการความปลอดภัยด้านสุขภาพ

รัฐบาลออสเตรเลียระบุว่า ไข้หวัดใหญ่อาจส่งผลกระทบกับใครก็ได้ แต่จะเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงหากเกิดขึ้นกับเด็กและผู้สูงอายุ

การวินิจฉัย

เนื่องจากสัญญาณและอาการของโรคโควิด-19 รวมถึงไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดานั้นมีความคล้ายคลึงกัน รัฐบาลออสเตรเลียและผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการตรวจเชื้อนั้นเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการวินิจฉัย ประชาชนในออสเตรเลียจึงได้รับการขอให้ไปรับการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR หรือด้วยชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลรวดเร็ว (RAT) หากมีอาการน้ำมูกไหล ไอ หรือเจ็บคอ มีไข้ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว ท้องเสีย และอาเจียน
ผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 และประชาชนทั่วไปที่ได้รับคำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพควรที่จะตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจ RAT หรือไปรับการตรวจแบบ RT-PCR ขณะที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในออสเตรเลียนั้นจะต้องกักตัวเป็นเวลา 7 วัน
อาการอื่น ๆ ของโควิด-19 รวมถึง

  • หายใจสั้นและติดขัด
  • มีอาการอ่อนเพลีย
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • สูญเสียการได้กลิ่น และรับรสผิดเพี้ยนชั่วคราว
  • มีอาการวิงเวียนและไม่อยากอาหาร

จะทำอย่างไรหากคุณยังมีอาการแต่ผลตรวจ RAT/RT-PCR เป็นลบ

โฆษกจาก กล่าวว่า เป็นไปได้ที่บุคคลเหล่านั้นอาจมีภาวะอาการเจ็บป่วยในระบบทางเดินหายใจอย่างอื่น เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดธรรมดา

“คุณควรที่ยังอยู่บ้านและพักผ่อนจนกว่าอาการจะดีขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อเหล่านี้ไปสู่ผู้อื่น ไข้หวัดใหญ่อาการเล็กน้อยและไข้หวัดธรรมดา ปกติแล้วจะหายดีได้เองโดยไม่ต้องทำการรักษาใด ๆ” โฆษกศูนย์วิจัยและเฝ้าระวังภูมิคุ้มกันแห่งชาติ ระบุกับเอสบีเอสด้วยการเขียน

“คุณสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการพักผ่อน ดื่มของเหลว (โดยเฉพาะน้ำ) รับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดและลดไข้ และใช้ยาแก้คัดจมูก”

รัฐบาลออสเตรเลียระบุว่า ประชาชนควรติดต่อแพทย์ทั่วไป (จีพี) ซึ่งสามารถวินิจฉัยอาการไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยการตรวจสอบอาการ หรือเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกของผู้ป่วยเพื่อนำไปตรวจ นอกจากนี้ การตรวจเลือดยังสามารถตรวจหาไข้หวัดใหญ่ได้อีกด้วย

อาการของไข้หวัดใหญ่และความรุนแรง

ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่อาจพบกับอาการหนาวสั่นมากกว่าสัญญาณและอาการที่ได้กล่าวไปข้างต้น ขณะที่การอาเจียนและท้องร่วงนั้นอาจพบในเด็กได้มากกว่า

ผู้มีความเสี่ยงที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากไข้หวัดใหญ่

  • เด็กทารก
  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
  • ชาวอะบอริจินและชาวเกาะทอเรส สเตรท
  • หญิงตั้งครรภ์
  • ผู้ที่มีภาวะทางสุขภาพในระยะยาว
  • ผู้เป็นโรคอ้วน
  • ผู้ที่สูบบุหรี่
  • ผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายจากคนสู่คน ปกติแล้วอาการเจ็บป่วยมักเริ่มต้นภายใน 1 – 3 วันหลังจากได้รับเชื้อ และความรุนแรงนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

โรคไข้หวัดใหญ่สามารถทำให้เกิด

  • ภาวะหลอดลมอักเสบ
  • กล่องเสียงและหลอดลมอักเสบ หรือไอครูพ
  • ภาวะปอดบวม
  • การติดเชื้อในหู
  • ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหัวใจและอวัยวะอื่น ๆ
  • ภาวะสมองบวมและสมองเสียหาย
ภาวะทางการแพทย์ในระยะยาว ในกรณีที่เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรง

  • โรคหัวใจ
  • ภาวะดาวน์ซินโดร
  • โรคปอด
  • อาการทางประสาท (เช่น โรคปลอกประสาทอักเสบชนิดเอ็มเอส)
  • โรคไต
  • โรคตับ
  • โรคเบาหวาน
  • โรคเกี่ยวกับระบบเลือด
  • ความผิดปกติของเมแทบอลิซึม

การแพร่กระจาย

ไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายไปยังครอบครัว สถานที่ทำงาน ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก และในโรงเรียนได้

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สามารถส่งผ่านการติดเชื้อ ไปให้กับบุคคลอื่นได้ภายในรัศมีสูงสุดถึง 6 ฟุต (1.8 เมตร)

การแพร่กระจายเชื้อจะเกิดขึ้นเมื่อ

  • หายใจเอาละอองฝอยที่เกิดขึ้นระหว่างการไอและจามของผู้ที่ติดเชื้อบริเวณใกล้เคียงเข้าไป
  • สัมผัสปาก ตา และจมูก หลังสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไข้หวัดใหญ่อยู่บนนั้น

การป้องกัน

การฉีดวัคซีนนั่นคือหนทางที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อและป้องกันอาการของโรคที่มีความรุนแรง

รัฐบาลออสเตรเลียระบุว่า ประชาชนจำเป็นที่จะต้องรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ใหม่ในทุก ๆ ปี เนื่องจากสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

อีกวิธีหนึ่งในการหยุดการแพร่กระจายของไข้หวัดใหญ่

  • อยู่ให้ห่างจากศูนย์ดูแลเด็กเล็ก โรงเรียน ที่ทำงาน หรือที่อื่นๆ ที่ผู้ป่วยอาจกระจายเชื้อได้จนกว่าจะหายดี
  • ปิดปากเมื่อไอหรือจาม
  • ล้างมือบ่อย ๆ
ข้อมูลที่อยู่ในบทความนี้เป็นเพียงข้อมูลโดยทั่วไปตามธรรมชาติ และอยู่บนพื้นฐานของคำแนะนำด้านสุขภาพล่าสุดจากหน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยงานสุขภาพอื่น ๆ ของออสเตรเลีย  โปรดปรึกษากับแพทย์ทั่วไปของคุณ (จีพี) สำหรับข้อมูลที่มีความเฉพาะเจาะจง


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 20 April 2022 8:24pm
Updated 21 April 2022 5:00pm
By Sahil Makkar
Presented by Tinrawat Banyat


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand