'เมดิแบงก์' ลั่นไม่จ่ายค่าไถ่กรณีข้อมูลลูกค้า 9.5 ล้านคนถูกแฮก

ซีอีโอ บ.ประกัน ‘เมดิแบงก’ ลั่นไม่จ่ายค่าไถ่กรณีถูกแฮกข้อมูลลูกค้าครั้งใหญ่ ชี้ลูกค้าเสี่ยงไม่ปลอดภัยมากกว่าเดิม รัฐบาลยื่นชงกฎหมายเพิ่มโทษเข้มงวดกิจการหละหลวมความปลอดภัยไซเบอร์

A Medibank sign.

The Medibank hack follows a major data breach at Optus.

เมดิแบงก์ระบุว่า จะไม่จ่ายค่าไถ่ที่ถูกเรียกเก็บจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับกิจการของบริษัทเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทั้งของลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าเก่าประมาณ 9.7 ล้านราย

เดวิด คอซการ์ (David Koczkar) ประธานบริหารของเมดิแบงก์ กล่าวในวันนี้ว่า “มีโอกาสน้อย” ที่การจ่ายค่าไถ่จะทำให้แฮกเกอร์นำข้อมูลลูกค้าที่ถูกขโมยไปกลับคืนมา หรือจะป้องกันไม่ให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกเผยแพร่

“อันที่จริงแล้ว การจ่าย (ค่าไถ่) อาจทำให้เกิดผลตรงกันข้าม และจูงใจให้แฮกเกอร์ขมขู่ลูกค้าของเราโดยตรง และมีโอกาสสูงที่การจ่ายจะทำให้ผู้คนตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น โดยการทำให้ออสเตรเลียเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่” คุณคอซการ์ กล่าวในแถลงการณ์

“ด้วยเหตุเหล่านี้ เราได้ตัดสินใจว่าเราจะไม่จ่ายค่าไถ่ให้กับเหตุการณ์ครั้งนี้”

ใครได้รับผลกระทบ และข้อมูลอะไรถูกเปิดเผยบ้าง

บริษัทประกันเอกชนรายดังกล่าวระบุว่า ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยในการโจมตีทางไซเบอร์ในครั้งนี้ ได้แก่
  • ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าปัจจุบันเมดิแบงก์ราว 5.1 ล้านราย
  • ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ahm 2.8 ล้านราย
  • ข้อมูลลูกค้าต่างชาติ 1.8 ล้านราย
  • และข้อมูลบางของตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจ
ข้อมูลชื่อ วันเกิด ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล ทั้งของลูกค้าปัจจุบันและอดีตลูกค้า ถูกแฮกเกอร์เข้าถึงแล้วทั้งหมด ขณะที่หมายเลขเมดิแคร์ของลูกค้า ahm และหมายเลขพาสปอร์ตของลูกค้าที่เป็นนักศึกษาต่างชาติยังถูกเปิดเผยอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ถูกแฮกเกอร์เข้าถึงได้อีกอย่างหนึ่งคือ ข้อมูลการเคลมประกันสุขภาพของลูกค้าเมดิแบงก์ราว 160,000 คน ของลูกค้า ahm 300,000 คน และของลูกค้าต่างชาติอีก 20,000 คน
ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลเคลมประกันสุขภาพบางส่วนจากผู้ป่วยใน My Home Hospital (MHH) ประมาณ 5,200 คนถูกเปิดเผยเช่นกัน เช่นเดียวกับข้อมูลญาติผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยเหล่านั้นราว 2,900 คน

ข้อมูลที่ถูกขโมยไปโดยแฮกเกอร์นั้นไม่ได้รวมถึงเอกสารระบุตัวตนชุดหลัก เช่น ใบขับขี่สำหรับลูกค้าเมดิแบงก์หรือลูกค้า ahm หรือข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลธนาคารใด ๆ

เกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลนั้น

เมดิแบงก์ได้เตือนลูกค้า เนื่องจากแฮกเกอร์อาจเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา หรือพยายามติดต่อพวกเขาโดยตรง

“เราแสดงความรับผิดชอบของเราอย่างจริงจังในการปกป้องลูกค้าให้ปลอดภัย การใช้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาเป็นอาวุธเพื่อพยายามกรรโชกทรัพย์นั้นเป็นการประสงค์ร้าย และมันคือการโจมตีที่เกิดขึ้นกับสมาชิกในชุมชนของเราที่เปราะบางที่สุด” คุณคอซการ์ กล่าว
คุณคอซ์การ์ กล่าวอีกว่า เมดิแบงก์ ซึ่งทำงานอย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลสหพันธรัฐ ศูนย์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ออสเตรเลีย (Australian Cyber Security Centre) และตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย (Australian Federal Police) จะมอบหมายให้มีการตรวจสอบจากภายนอก เพื่อถอดบทเรียนและเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวป้องกันทางดิจิทัล

“เราจะยังคงสนับสนุนให้ทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมครั้งนี้ผ่านโครงการสนับสนุนการตอบสนองทางไซเบอร์ของเรา (Cyber Response Support Program) สิ่งนี้รวมถึงการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี การปกป้องอัตลักษณ์บุคคล และมาตรการด้านความเดือนร้อนทางการเงิน” นายคอซการ์กล่าว

รัฐบาลกำลังทำอะไรบ้างเพื่อช่วยเหลือ

การโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดกับเมดิแบงก์ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ออปตัส (Optus) ผู้ให้บริการโทรคมนาคม เปิดเผยว่าได้ตกเป็นเหยื่อการโจมตีทางไซเบอร์ และมีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบหลายล้านคน

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ใน และเว็บไซต์ชอปปิงออนไลน์

“นี่คือโลกใหม่ที่เราอาศัยอยู่ เรากำลังจะอยู่ภายใต้การโจมตีทางไซเบอร์อย่างไม่หยุดหย่อนตั้งแต่นี้ต่อไป” แคลร์ โอนีล (Clare O’Neil) รัฐมนนตรีความปลอดภัยทางไซเบอร์ออสเตรเลีย กล่าวทางวิทยุเอบีซี เมื่อเดือนที่ผ่านมา

“เราจะต้องทำให้ดีกว่านี้มากในฐานะประเทศ เพื่อทำให้แน่ใจว่าเราทำทุกอย่างที่เราทำได้ภายในองค์กรต่าง ๆ เพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า เช่นเดียวกับพลเมืองในการทำทุกสิ่งที่พวกเขาทำได้”

เมื่อเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสหพันธรัฐประกาศว่า บริษัทใดก็ตามที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างรุนแรงหรือเกิดขึ้นซ้ำ จะต้องพบกับ
“รัฐบาล ธุรกิจต่าง ๆ และองค์กรอื่น ๆ มีข้อผูกมัดในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของชาวออสเตรเลีย ไม่ใช่ปฏิบัติกับมันเหมือนกับสินทรัพย์ทางพาณิชย์ กฎหมายจะต้องสะท้อนสิ่งนี้” มาร์ค เดรย์ฟัส (Mark Dreyfus) อัยการสูงสุด กล่าวระหว่างการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อรัฐสภา

“บทลงโทษสำหรับการละเมิดความเป็นส่วนตัว ไม่อาจถูกมองได้ว่าเป็นเพียงค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ”

“หน่วยงานต่าง ๆ จะต้องกระตุ้นให้มีความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการปกป้องความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อปกป้องชาวออสเตรเลีย”

ทั้งนี้ การพิจารณาประมวลกฎหมายความเป็นส่วนตัว (Privacy Act) จะมีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยจะมีการยื่นข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปเพิ่มเติมในอนาคต




คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 7 November 2022 7:18pm
Updated 7 November 2022 7:29pm
By Amy Hall
Presented by Tinrawat Banyat
Source: SBS


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand