มีเสียงเรียกร้องให้ยกเลิกวีซ่าพ่อแม่เพราะ "โหดร้ายและเป็นไปไม่ได้"

มีเสียงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบวีซ่าพ่อแม่ของออสเตรเลียมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุเพราะมีคนหลายหมื่นคนที่สมัครวีซ่านี้และใช้เวลาพิจารณาวีซ่านานถึง 40 ปี ทั้งยังเสียค่าธรรมเนียมหลายพันดอลลาร์

A man walks behind a glass door.

จากรายงานของ Scanlon Foundation พบว่ามีการยื่นคำร้องขอวีซ่าพ่อแม่ต่อกระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลีย (Home Affairs Department) มากกว่า 137,000 ราย Source: AAP / April Fonti

ประเด็นสำคัญ
  • มีการยื่นคำร้องขอวีซ่าพ่อแม่ต่อกระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลีย (Home Affairs Department) มากกว่า 137,000 ราย
  • เนื่องด้วยเวลารออนุมัติวีซ่าที่ยาวนาน จึงมีเสียงเรียกร้องให้มีการยกเครื่องระบบขอวีซ่าใหม่
  • รายงานฉบับล่าสุดระบุว่าควรเพิ่มจำนวนรับผู้ย้ายถิ่นหรือไม่ก็ยกเลิกวีซ่าประเภทนี้
เมื่อ คุณ ซาราห์ จากนครเพิร์ท ไล่อ่านข้อความจากกลุ่มเฟซบุ๊กที่เธอเป็นสมาชิกอยู่ เธอพบว่ามีคนจำนวนมากที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เธอได้อ่านข้อความนับไม่ถ้วนจากผู้คนที่สิ้นหวัง เธอเปิดเผยกับเอสบีเอสนิวส์ว่า

“คุณพบว่ามีผู้คนหลายร้อยหลายพันคนที่สับสนกับสถานการณ์นี้”

PV 1.jpg
คุณซาราห์และพ่อแม่ของเธอ Source: Supplied
“พวกเขารอคิว พวกเขาเชคอีเมลทุกวัน พวกเขานั่งนับวัน พวกเขากำลังสงสัยว่าปีนี้จะมีคนอีกกี่คนที่ได้รับอนุมัติวีซ่าและได้ไปอยู่อาศัยในออสเตรเลีย”

“คำถามยอดฮิตเช่น ใครได้วีซ่าแล้วบ้างและพวกเขายื่นวีซ่าเมื่อไหร่ มันวุ่นวายมาก”

ผู้ที่โพสต์บนกลุ่มเฟซบุ๊กเหล่านี้มีความต้องการเหมือนกันประการเดียว นั่นคือพาพ่อแม่ไปอยู่ออสเตรเลีย

มีคนยื่นวีซ่าพ่อแม่จำนวนมากกว่า 130,000 รายในขณะที่มีโควตาอนุมัติวีซ่าประมาณ 8,500 ราย หลายคนพบว่าตัวเองรอเป็นเวลาหลายปีโดยไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความคืบหน้า ทั้งยังเสียเงินค่าธรรมเนียมการสมัครหลายพันดอลลาร์

คุณ ซาราห์ อายุ 40 ปี ย้ายจากสหราชอาณาจักรหลังจากแต่งงานกับชาวออสเตรเลียเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว

และในปี 2019 เธอสนับสนุนให้พ่อแม่สูงวัยของเธอที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรยื่นคำร้องขอวีซ่าพ่อแม่ประเภท Contributory Parent Visa ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียม 47,955 ดอลลาร์ เพื่อให้พวกเขาได้มาอาศัยกับเธอในออสเตรเลีย

เธอคาดว่าจะต้องใช้เวลาดำเนินการสองปีแต่กลับกลายเป็นว่าเธอรอมาเกือบแปดปีแล้ว และเธอเกรงว่ามันจะต้องรอนานไปมากว่านี้เธอจึงหาทางอื่นคือการขอวีซ่าวีซ่าบริดจิ้งก่อนที่จะยื่นคำร้องขอวีซ่าพ่อแม่ ประเภท non-contributing เพื่อที่พ่อแม่ของเธอสามารถอาศัยในออสเตรเลียในขณะที่รออนุมัติวีซ่า

เธอเปิดเผยว่าในขณะที่พ่อแม่ของเธอถือบริดจิงวีซ่า พวกเขาไม่สามารถซื้อบ้านได้ และพ่อแม่ของเธอต้องขออนุญาตเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ นอกจากนี้ พวกเขายังเผชิญกับโอกาสที่จะสูญเสียสถานภาพการพำนักในสหราชอาณาจักร หากพวกเขาใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศนานเกินไป

แต่จุดด้อยของวีซ่าพ่อแม่ประเภท non-contributing คือมีระยะเวลารอดำเนินการอนุมัติถึง 40 ปี
พวกเขาจะไม่มีวันได้วีซ่าในขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่
คุณ ซาราห์ จากนครเพิร์ท

เธอบอกว่าเธอต้องการให้รัฐบาล "ซื่อสัตย์" เกี่ยวกับกระบวนการและตรงไปตรงมาเกี่ยวกับระบบการพิจารณาวีซ่า

"ถ้าคุณซื่อสัตย์กับ [ระบบวีซ่า] คุณจะทำให้ผู้คนสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ และทำให้พวกเขาสามารถวางแผนและตัดสินใจได้

“แต่เนื่องจากความไม่แน่นอนและความคลุมเครือของระบบวีซ่า มันจึงไม่เหมาะกับจุดประสงค์ของวีซ่าประเภทนี้”

ทำไมมีการเรียกร้องให้ยกเลิกวีซ่าพ่อแม่?

 
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีการทบทวนระบบการย้ายถิ่นของออสเตรเลียครั้งใหญ่ ซึ่งนำโดยอดีตหัวหน้าหน่วยงานบริการสาธารณะ มาติน พาร์กินสัน และได้เสนอแนะให้ยกเลิกการใช้วีซ่าพ่อแม่แต่หันมาใช้วีซ่าอยู่อาศัยระยะสั้นมากขึ้น รายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า

“แม้ว่าจะยังมีการถกเถียงกันอยู่ แต่แนวทางนี้ (วีซ่าระยะสั้น) อาจจะสะดวกในการที่ครอบครัวจะได้มาอยู่ด้วยกันมากกว่า ทั้งยังมีราคาค่าธรรมเนียมถูกกว่า ยุติธรรมกว่า เร็วกว่าระบบที่มีอยู่ในปัจจุบัน”

สิ่งนี้ยังเป็นเรื่องที่นักเขียนและนักวิจัยอิสระ ปีเตอร์ มาเรส กล่าวว่าวีซ่าประเภทใหม่ควรได้รับการพิจารณาหากรัฐบาลไม่พิจารณาใช้มาตรการอื่นๆ ก่อน เช่นการนิยามพ่อแม่ว่าเป็น “ครอบครัวใกล้ชิด” หรือเพิ่มจำนวนผู้ย้ายถิ่นในออสเตรเลีย

คุณมาเรส ได้เขียนในรายงานฉบับล่าสุดซึ่งจัดทำโดย Scanlon Foundation เขาอธิบายว่าวีซ่าพ่อแม่เป็นระบบวีซ่าที่ “ใช้งานไม่ได้” ซึ่งกำลัง “สร้างความปวดร้าวใจ” ให้กับครอบครัวจำนวนหลายหมื่นครอบครัวและเป็นภาระการจัดการขนาดใหญ่สำหรับบริการสาธารณะ”


คุณมาเรสเสนอแนะว่า

“อีกแนวทางหนึ่งคือการพิจารณาความเป็นจริงในปัจจุบันและยอมรับว่าโครงการวีซ่าพ่อแม่ถาวรนั้นใช้งานไม่ได้โดยสิ้นเชิง ซึ่งควรเลิกใช้ไปเลย และควรหาทางเลือกอื่นที่ตอบสนองความต้องการของครอบครัวที่ต้องการให้พ่อแม่อยู่ใกล้ชิดด้วยกลไกวีซ่าอื่นๆ เช่น การยืดเวลาการพำนักชั่วคราว

คุณมาเรส กล่าวกับ เอสบีเอส นิวส์ ว่าถ้าคำนึงถึงความเป็นจริงโดยใช้พื้นฐานทางการเมืองมันหมายความว่าการนิยามคำว่าพ่อแม่ให้เป็นครอบครัวใกล้ชิดตามวัตถุประสงค์ของวีซ่าเหล่านี้อาจหมายถึงการเพิ่มจำนวนผู้ย้ายถิ่นราว 20,000 คน

“หากพวกเขาไม่ทำเช่นนั้น ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบที่มีอยู่ เพราะกระบวนการในการจำกัดจำนวนและและรอคิวไปเรื่อยๆนั้นมันแย่มากสำหรับทุกคน

เป็นจะการดีกว่าถ้ารัฐบาลจะชัดเจนและปฏิเสธไปเลยว่า เราไม่เต็มใจที่จะรับพ่อแม่เข้ามาอาศัยในออสเตรเลียอย่างถาวร และเราจะจัดสรรระบบวีซ่าชั่วคราวที่ดีกว่าแทนที่จะให้ความหวังผิด ๆ แก่ผู้คน
คุณ ปีเตอร์ มาเรส นักเขียนและนักวิจัยอิสระ

การตรวจสอบการย้ายถิ่นฐานพบว่าโดยทั่วไปแล้ว ระบบการย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลีย "ไม่เหมาะกับวัตถุประสงค์" และแนะนำให้ปรับปรุงและใช้ "แนวทางใหม่และยุติธรรมกว่า" สำหรับวีซ่าพ่อแม่

'ระบบวีซ่าที่โหดร้ายและไม่จำเป็น'

โดยกล่าวว่าวีซ่านี้มีระยะเวลาดำเนินการอนุมัติ 30-50 ปี หากพิจารณาแนวโน้มของอายุผู้ปกครองจำนวนมาก ทำให้ความเป็นไปได้ที่คนจำนวนมากจะได้อนุมัติวีซ่าประเภทนี้ “แทบไม่มีอยู่จริง”

“การเปิดโอกาสให้ผู้คนยื่นขอวีซ่าที่อาจจะไม่มีวันได้มานั้นดูโหดร้ายและไม่จำเป็น”

สำหรับซาราห์ ความไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเธอ ธอกล่าวว่า

“มันทำให้พ่อของฉันเครียดมาก”

“เขานอนไม่หลับมาหลายคืนและสงสัยว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่”

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 




 


Share
Published 3 August 2023 10:45am
By Rashida Yosufzai
Presented by Chayada Powell
Source: SBS


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand