Analysis

ที่อยู่อาศัยที่ 'หนาวเย็น' ส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร

นักวิจัยเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียในช่วงฤดูหนาว กล่าวว่าพวกเขาค้นพบสิ่งที่ทำให้พวกเขา "ตกใจ"

Aerial view of houses.

It’s not just older houses that are cold. Our building standards don’t ensure Australian homes will be warm. Source: Getty / Robert Cianflone

ประเด็นสำคัญ
  • การวิจัยล่าสุดชี้ว่าประมาณร้อยละ 80 ของที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียไม่ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับความอบอุ่นขององค์การอนามัยโลก
  • อุณหภูมิที่เย็นจัดในบ้านอาจทำให้ปัญหาอื่นๆแย่ลง เช่น ปัญหาเชื้อราและอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราด้วย
  • ความหนาวเย็นไม่ได้เป็นเพียงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนที่มีรายได้น้อยเท่านั้น
ในฤดูหนาวของทุกปี เราได้ยินเกี่ยวกับค่าพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นและผู้คนไม่สามารถทำให้บ้านอบอุ่นได้ แต่จนกระทั่งตอนนี้ เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าที่อย่าศัยในออสเตรเลียจะหนาวแค่ไหนกันแน่

งานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยแอดิเลด ระบุว่า ที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียประมาณ 4 ใน 5 ไม่ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำในการรักษาความอบอุ่นขององค์การอนามัยโลก

ออสเตรเลียขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อน และมันอาจทำให้เราคิดว่าเราแค่ต้องอดทนในฤดูหนาว เพราะอีกไม่นานมันก็จะกลับมาร้อนอีกครั้ง แม้ว่าฤดูหนาวของเราอาจไม่หนาวจัดเหมือนในยุโรปและอเมริกาเหนือ แต่สถิติทางสาธารณสุขของเราเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาพิจารณาในเรื่องนี้ใหม่ เพราะว่าในออสเตรเลียมีอัตราการเสียชีวิตในฤดูหนาวสูงกว่าในฤดูร้อนถึงร้อยละ 20

มาตรฐานการก่อสร้างอาคารฉบับใหม่ และระบบสุขภาพและสวัสดิการของเรา ทำให้คาดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะไม่มีปัญหาในช่วงฤดูหนาว แต่มันไม่ใช่เลยเราจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องนี้ในฤดูหนาวอย่างจริงจัง
อ่านเพิ่มเติม

ภัยร้ายของเชื้อรา

ผลการวิจัยล่าสุดพบอะไรกันแน่

เมื่อประมาณหกปีก่อน เราสงสัยว่าบ้านในออสเตรเลียจะมีอุณหภูมิประมาณเท่าไหร่ และเราก็เริ่มวัดอุณหภูมิในบ้านของผู้คนในช่วงสองสามฤดูหนาวที่ผ่านมา และการวิจัยล่าสุดของเราบ่งชี้ว่าในฤดูหนาวปีที่แล้วบ้านในออสเตรเลียมากกว่าสามในสี่มีอุณหภูมิหนาวเย็น โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวต่ำกว่า 18 องศาเซลเซียส (ค่าต่ำสุดที่ขององค์การอนามัยโลกแนะนำ) ในช่วงที่เช้าที่ผู้คนตื่นนอน

และสิ่งนี้ทำให้เราตกใจ เพราะก่อนหน้านี้เราคาดการณ์ว่าอาจมีบ้านเรือนเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่เผชิญความหนาวเย็นในบ้าน

จากการศึกษาของเรา เราได้ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิในบ้าน 100 หลังทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย แทสเมเนีย วิกตอเรีย และเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประชากรสองในสามของออสเตรเลียอาศัยอยู่ในเขตอากาศดังที่แสดงในตาราง

ในบ้านที่เก็บตัวอย่างทั้งหมดร้อยละ 81 มีอุณหภูมิต่ำกว่า 18 องศาเซลเซียสโดยเฉลี่ยตลอดช่วงฤดูหนาว และในช่วงเช้าที่คนตื่นนอนมีอุณหภูมิเฉลี่ย 16.5 องศาเซลเซียส และพบว่าบ้านที่หนาวที่สุดมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดเพียง 5 องศาเซลเซียส
Housing temperature chart
Simplified cold homes proportions based on the average temperatures in occupied homes during waking hours. Source: Supplied
ซึ่งชาวแทสเมเนียได้รับผลกระทบหนักที่สุด บ้านบางหลังในรัฐนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 11 องศาเซลเซียส

แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่ในรัฐใด ผลการศึกษาพบว่าบ้านส่วนใหญ่ในตัวอย่างการวิจัยมีอุฯหภูมิหนาวเย็นที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อสถานการณ์นี้

ความหนาวเย็นไม่ได้เป็นเพียงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนที่มีรายได้น้อย การวิจัยนี้ได้ศึกษาตัวอย่างบ้านที่มีความหลากหลายด้านสังคมและเศรษฐกิจ เช่น บ้านที่ครอบครองโดยเจ้าของที่มีกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ บ้านที่ติดจำนอง หรือบ้านเช่า

 บางคนอาจรู้สึกสบายตัวในอุณหภูมิ 16 องศา แต่ก็มีอีกหลายคนต้องทนหนาวโดยไม่มีทางเลือก ผนวกกับการที่สภาพที่อยู่อาศัยที่ไม่ดี เครื่องทำความร้อนไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่สามารถจ่ายค่าพลังงานเพื่อทำความร้อนได้ ทำให้หลายคนต้องดิ้นรนเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นในขณะที่ราคาพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้น

ผู้สูงอายุ ผู้ทุพพลภาพ และผู้ที่เผชิญกับความไม่มั่นคงด้านที่อยู่อาศัยเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด และรวมถึงผู้เผชิญกับความลำบากในการจ่ายค่าเช่า คนที่ย้ายบ้านบ่อย อาศัยอยู่ในบ้านที่แออัด หรือจ่ายรายได้ส่วนใหญ่ไปกับที่อยู่อาศัย ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท้าทายมากขึ้นสำหรับผู้เช่า

อุณหภูมิในบ้านที่เย็นจัดอาจทำให้ปัญหาอื่นๆ เช่น เชื้อราแย่ลง และอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราด้วย
เราต้องตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพและที่อยู่อาศัยที่หนาวเย็น นโยบายที่อยู่อาศัยและสาธารณสุขต้องมีวัตถุประสงค์เชื่อมโยงปัจจัยเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อปรับปรุงสถานการณ์นี้ให้ดีขึ้น

และในการที่ออสเตรเลียกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การให้การดูแลตัวเองที่บ้านมากกว่าโรงพยาบาล และจากแนวโน้มนี้หมายความว่าเราต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ยิ่งขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมภายในบ้านมีสุขภาพที่ดี

นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นในการเพิ่มความตระหนักของชุมชนเกี่ยวกับความเสี่ยงของที่อยู่อาศัยที่มีอุหภุฒิต่ำ ซึ่งมีกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ชุมชนชาวพื้นเมืองผู้สูงอายุ เยาวชน ผู้พิการ และผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัยที่แน่นอน

การมีที่อยู่อาศัยที่ดีต่อสุขภาพเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการยกระดับมาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิตของชุมชนเหล่านี้ 
A woman touching a heater in her home.
บางคนอาจรู้สึกสบายตัวในอุณหภูมิ 16 องศา แต่ก็มีอีกหลายคนต้องทนหนาวโดยไม่มีทางเลือก Source: Getty, iStockphoto / zvonko1959/Getty Images/iStockphoto

เราจะเรียนรู้จากความสำเร็จเรื่องนี้จากในต่างประเทศได้อย่างไร

ประเทศนิวซีแลนด์และสหราชอาณาจักรประสบความสำเร็จอย่างมากในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยที่มีอุหภูมิหนาวเย็น ทั้งสองประเทศเริ่มต้นด้วยการตระหนักถึงความรับผิดชอบร่วมกันต่อสังคมเพื่อแก้ไขปัญหานี้

ออสเตรเลียก็ต้องตระหนักว่าปัญหานั้นใหญ่กว่าครัวเรือนแต่ละหลังจะรับผิดชอบกันเอง และเราเป็นต้องมีการแก้ระดับชาติและการแก้ไขอย่างเป็นระบบ

การแทรกแซงของนิวซีแลนด์และสหราชอาณาจักรในเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยบ้านเช่าทั้งของรัฐบาลและเอกชน ประสบการณ์ของทั้งสองประเทศแสดงให้เห็นว่าจำเป็นต้องมีกฎข้อบังคับที่ปกป้องผู้เช่าที่โปร่งใสและเป็นกลาง เกือบหนึ่งในสามของชาวออสเตรเลียเป็นผู้เช่า ดังนั้นมาตรการดังกล่าวสามารถยกระดับชีวิตของผู้คนนับล้านได้

ทั้งประเทศนิวซีแลนด์และสหราชอาณาจักรการสำรวจที่อยู่อาศัยเพื่อติดตามความคืบหน้าของอุหภูมิของที่อยู่อาศัยที่มีระดับมาตรฐาน วิธีนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะไรมีประสิทธิภาพและอะไรที่ยังต้องปรับปรุง

ในทำนองเดียวกัน ออสเตรเลียควรติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยที่รักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพ และควรเปิดเผยผลการติดตามนี้ต่อสาธารณะ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการส่งเสริมการปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องและช่วยชี้นำการลงทุนเพื่อนำไปสู่นโยบายที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สิ่งสำคัญคือเราต้องมีการศึกษาอย่างรัดกุมว่าใครคือผู้ที่เปราะบางที่สุด การศึกษาของเราเป็นข้อมูลเบื้องต้นจากการศึกษาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยการสำรวจบ้าน 500 หลัง ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถระบุความเสี่ยงที่แท้จริงของที่อยู่อาศัยที่มีอุณหภูมิต่ำในออสเตรเลียได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การศึกษานี้จัดทำขึ้นโดย คุณ ซินเธีย เฟย์ บาร์โลว์ นักวิจัยหลังปริญญาเอกที่ Australian Centre for Housing Research ของมหาวิทยาลัยแอดิเลด เธอได้รับทุนสนับสนุนจาก National Health and Medical Research Council หมายเลข 2004466

ศาสตรจารย์ เอมมา บาร์กเกอร์ ศาสตราจารย์ด้านการวิจัยที่อยู่อาศัยที่มหาวิทยาลัยแอดิเลด และรองศาสตราจารย์ ไลเรียน เดเนียล คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 18 May 2023 11:30am
Updated 19 May 2023 7:10pm
Presented by Chayada Powell
Source: The Conversation


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand