เหตุใดความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้เฮอร์ริเคนและไต้ฝุ่นมีพิษสงมากขึ้น

NEWS: ขณะที่ประชาชนหลายล้านคนกำลังเผชิญความรุนแรงของเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์และไต้ฝุ่นมังคุดทั้งในสหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง เรามีข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับพายุยักษ์ “ซูเปอร์สตอร์ม”

A view of Hurricane Florence from the International Space Station

A view of Hurricane Florence from the International Space Station Source: Twitter

You can read this full article in English on SBS News 

พายุหมุนไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ร้ายกาจเหมือนกัน

ไม่ว่าจะเรียกกันว่าเฮอร์ริเคน ไซโคลน หรือไต้ฝุ่น ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อเรียกที่ต่างกันของพายุหมุนเขตร้อนขนาดยักษ์ ที่รวมตัวขึ้นในมหาสมุทรต่างๆ ใกล้ทวีปอเมริกาและทวีปเอเชีย

ก่อให้เกิดฝนตกหนัก ลมพัดแรง มีคลื่นพายุซัดฝั่ง และคลื่นยักษ์ในทะเล พายุเหล่านั้นอาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเมื่อพายุพัดขึ้นฝั่ง

มวลความกดอากาศต่ำเหล่านี้ สร้างความน่าหวาดหวั่นที่สุดตรงที่พายุนี้มีพลังรุนแรงระดับเดียวกับพลังงานที่ปล่อยออกมาจากระเบิดปรมาณู ที่ถล่มเมืองฮิโรชิมาราบเป็นหน้ากลองในอดีต

พายุหมุนที่เกิดใน มหาสมุทรแอตแลนติกและทางตะวันออกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกนั้น เรียกกันว่า พายุเฮอร์ริเคน ขณะที่หากเกิดในพื้นที่เอเชียแปซิฟิก พายุหมุนเหล่านั้นจะเรียกกันว่าพายุไต้ฝุ่น ส่วนพายุหมุนรูปแบบเดียวกันที่เกิดขึ้นในทะเลแปซิฟิกใต้ และมหาสมุทรอินเดียจะเรียกกันว่าพายุไซโคลน

ต้นกำเนิดที่ไม่มีพิษสง

พายุไซโคลนเริ่มก่อตัวขึ้นโดยเป็นพายุฝนฟ้าคะนองที่ไม่มีความร้ายกาจอะไรมากนัก แต่ในบางช่วงเวลาของปี เมื่อน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงพอที่จะก่อให้เกิดการระเหย มวลพายุจะเริ่มดูดน้ำปริมาณมหาศาลขึ้นมารวมตัวกัน

ในซีกโลกเหนือ น้ำที่ถูกมวลพายุดูดเข้าไปจะหมุนแบบทวนเข็มนาฬิกา ขณะที่เคลื่อนตัวข้ามมหาสมุทรจากการที่โลกหมุนรอบตัวเอง ส่วนพายุไซโคลนในซีกโลกใต้จะหมุนตามเข็มนาฬิกา

น้ำที่รวมตัวกันเป็นมวลพายุนั้นจะตกลงมาเป็นน้ำฝน ก่อให้เกิดน้ำท่วมหนัก และสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้คน

ในตัวพายุหมุนเหล่านั้น ที่จุดศูนย์กลางของพายุจะมี “ตาพายุ” ซึ่งเป็นส่วนที่มีสงบไม่มีลมหมุน ซึ่งตาของพายุนี้อาจมีความกว้างถึง 1,000 กิโลเมตร

แต่พายุหมุนเหล่านี้จะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเมื่อพายุเคลื่อนตัวอยู่เหนือพื้นดิน หรือในมหาสมุทรที่กระแสน้ำมีความเย็น
A police vehicle patrols the beach after an evening curfew went into effect as Hurricane Florence approaches Myrtle Beach, S.C., Thursday, Sept. 13, 2018.
A police vehicle patrols the beach after an evening curfew went into effect as Hurricane Florence approaches Myrtle Beach, S.C., Thursday, Sept. 13, 2018. Source: AAP

ขนาดเล็กไม่ได้แปลว่าจะไม่ร้ายกาจ

นักวิทยาศาสตร์จัดระดับความรุนแรงของพายุไซโคลนออกเป็นความรุนแรงระดับ 1-5 โดยพายุความรุนแรงระดับ 5 มีลมพัดเร็ว 252 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือสูงกว่านั้น

พายุความรุนแรงระดับ 5 ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ ได้แก่เฮอร์ริเคน เออร์มา ซึ่งพัดถล่มหมูเกาะแคริบเบียน และทางใต้ของสหรัฐอเมริกา ในเดือนกันยายน ค.ศ.2017

เฮอร์ริเคน คาทรินา ซึ่งทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปกว่า 1,800 คน ทั่วพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ ก็เป็นพายุความรุนแรงระดับ 5 เช่นกัน

แต่ขณะเดียวกัน พายุเฮอร์ริเคน ฟลอเรนซ์ ที่อ่อนกำลังลงไปตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (13 กันยายน) กลายเป็นพายุความรุนแรงระดับ 2 แต่ยังคงสามารถก่ออันตรายร้ายแรงแก่ผู้คนได้

เมื่อวันอาทิตย์ (16 กันยายน) พายุลูกนี้ ได้ก่อให้เกิดฝนปริมาณ 100 เซ็นติเมตรเทกระหน่ำลงมาในรัฐนอร์ธ แคโรไลนา ของสหรัฐ และล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากพายุลูกนี้แล้ว 16 ราย

“ดังนั้น พายุหมุนที่แม้จะถูกจัดว่ามีความรุนแรงในระดับต่ำ แต่ก็สามารถสร้างอันตรายและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากได้เช่นกัน” นายเอ็มมานูแอล โบครี นักพยากรณ์อากาศของบริการพยากรณ์อากาศ เมทีโอ ฟรานซ์ กล่าว
Waves slam the Oceana Pier & Pier House Restaurant in Atlantic Beach, N.C., Thursday, Sept. 13, 2018.
Waves slam the Oceana Pier & Pier House Restaurant in Atlantic Beach, N.C., Thursday, Sept. 13, 2018. Source: AAP

ฤดูร้อนแห่งความรุนแรง

เมื่อปีที่แล้ว เราได้เห็นพายุขนาดยักษ์ที่สร้างความเสียหายมากมายหลายลูก ที่พัดกระหน่ำพื้นที่ทางตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก เช่นพายุเออร์มา มาเรีย และพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งได้สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 125 พันล้านดอลลาร์ เมื่อพายุฮาร์วีย์ ก่อให้เกิดน้ำท่วมหนักในย่านตัวเมืองของเมืองฮูสตัน

นายโบครี กล่าวว่า ในปี 2017 เป็นปีที่แตกต่างไปจากปกติ สำหรับพายุซูเปอร์สตอร์ม ในมหาสมุทรแอตแลนติก เนื่องจากอุณหภูมิของพื้นผิวน้ำอุ่นกว่าปกติเฉลี่ยราว 2-3 เซลเซียส

สำหรับฤดูกาลพายุเฮอร์ริเคนในปีนี้ NOAA หน่วยงานด้านการพยากรณ์อากาศของสหรัฐ และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ พยากรณ์ว่าจะมีพายุความรุนแรงระดับ 3 หรือสูงกว่า เกิดขึ้นราว 5-9 ลูก ในปีนี้

“นี่เป็นฤดูกาลที่ค่อนข้างปกติ แต่ก็ต้องระวัง นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะตัดเรื่องหายนะออกไปได้เลย เพราะอาจเกิดขึ้นได้จากพายุเพียงลูกเดียวเท่านั้น” นายโบครี กล่าว

 

แล้วจะเลวร้ายกว่านี้หรือไม่ในอนาคต

นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์มานานแล้วว่า สภาพโลกร้อนจะทำให้พายุหมุนต่างๆ มีกำลังรุนแรงขึ้น และบางคนกล่าวว่า หลักฐานสนับสนุนเรื่องนี้นั้นมีให้เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว

มหาสมุทรที่อุ่นขึ้นจะเพิ่มมวลน้ำที่พายุหมุนจะดูดเข้าไปก่อตัวเป็นพายุที่รุนแรง และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นยังส่งผลให้คลื่นพายุซัดฝั่งอาจมีความสูงเกินปราการปกป้องชายฝั่งที่มนุษย์สร้างไว้

“พายุหมุนต่างๆ จะมีความรุนแรงขึ้น มีพิษสงสร้างความเสียหายมากขึ้น และคาดว่าจะนำฝนมามากขึ้นด้วย” นายโบครี ระบุ

 




Share
Published 17 September 2018 11:45am
Updated 17 September 2018 12:09pm
Presented by Parisuth Sodsai
Source: AFP, SBS


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand