จะช่วยเหลือเด็กๆ รับมือกับการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างไร

Lunch time kids in school

Source: Getty Images/Westend61

หลังจากวันหยุดช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนผ่านพ้นไป การกลับไปใช้เวลาในโรงเรียนตามปกติของเด็ก ๆ อาจเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น และน่ากังวลได้ในเวลาเดียวกัน เรามีคำแนะนำสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ในการช่วยพวกเขาคลายกังวลเมื่อต้องกลับไปเริ่มต้นภาคเรียนใหม่ตามปกติหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย


ประเด็นสำคัญ

  • ในออสเตรเลีย เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย
  • จากข้อมูลของหน่วยงานสาธารณสุขออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นเด็กในวัยเรียนเพียง 4.5%
  • เด็กที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ

เมื่อ ดญ.อไดอา เปเรซ (Adaia Perez) วัย 11 ปี ได้ทราบข่าวอันน่าสลดใจของสถานการณ์ไวรัสโคโรนา เมื่อเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา ในตอนนั้น เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ของเธอ และผู้คนส่วนมากในออสเตรเลีย ต่างยังไม่ได้คำนึงถึงเชื้อไวรัสนี้มากนัก จนกระทั่งเกิดการระบาดครั้งแรกขึ้นในประเทศในเวลาต่อมา เธอเล่าว่า

“ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเมื่อเห็นข่าวในตอนนั้น มันก็คงเป็นทำนองว่า เชื้อไวรัสนี้ก็คงติดเชื้อในประเทศอื่น มันคงไม่มาถึงที่นี่ มันคงไม่มีขางออกมาแล้วข้ามมาจนถึงที่นี่ แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้น” ดญ.เปเรซ กล่าว 

จากการวิจัยโดยคิดส์ เฮลป์ไลน์ (Kids Helpline) สายด่วนให้คำปรึกษาสำหรับเยาวชน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นว่า 39% ของผู้โทรเข้ามาซึ่งมีอายุน้อย รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับไปดเรียนในสถานศึกษาตามปกติ รวมถึงเรื่องของชีวิตการทำงาน ซึ่งสรุปได้คร่าว ๆ เป็น 3 เหตุผลดังต่อไปนี้

  • ประการแรก คือความกังวลเกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโคโรนา โดยพวกเขากลัวว่าจะติดเชื้อ และทำให้สมาชิกครอบครัวติดเชื้อตามไปด้วย หรืออาจแย่ไปกว่านั้น
  • พวกเขามีความกังวลว่า การกลับไปเรียนในสถานศึกษาตามปกติ อาจไม่เหมือนเช่นเดียวกับก่อนวิกฤตไวรัสโคโรนา และจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในโรงเรียน รวมถึงการใช้ชีวิตโดยปกติทั่วไป
  • นอกจากนี้ สำหรับบางคน การอยู่แต่ในบ้านยังมีข้อได้เปรียบบางอย่าง และพวกเขารู้สึกดีที่จะได้เรียนหรือใช้เวลาอยู่ที่บ้านให้นานกว่านั้น
หนึ่งปีผ่านไป นับตั้งแต่วิกฤตไวรัสโคโรนาเริ่มต้นในออสเตรเลีย สถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการรับมือการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดระดับโลกนี้ และสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อได้ในสถานศึกษาส่วนมาก

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อาชา โบเวน (Asha Bowen) ผู้เชี่ยวชาญกุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ จากสถาบันเด็กเทเลธอน (Telethon Kids Institute) ในนครเพิร์ท กล่าวว่า มาตรการเหล่านี้ จะสามารถช่วยป้องกันการแพร่ระบาดได้

  • การจำกัดจำนวนผู้ใหญ่ในพื้นที่โรงเรียน
  • การล้างมือและรักษาสุขอนามัยในระบบทางเดินหายใจ ด้วยการจามและไอใส่ข้อพับศอก
  • ล้างมือให้สะอาด
  • ทิ้งกระดาษชำระที่ใช้ป้องปากในการไอหรือจาม 
“เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะสอนให้กับเด็ก ๆ และปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในพื้นที่โรงเรียน” ผู้ช่วยศาสตราจารย์โบเวน กล่าว 

50 ألف طفل في أستراليا لا يستطيعون العيش مع أهاليهم ويحتاجون الى عائلات تحتضنهم
Source: Getty Images/Thomas Barwick


พญ.อาชานา โคอิราลา (Dr Archana Koirala) กุมารแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดจากนครซิดนีย์ กล่าวว่า ยังมีการวิจัยที่พบว่า แม้ว่าจะไม่มีการรักษาระยะห่างทางสังคมในโรงเรียน หรือในโรงเรียนเตรียมอนุบาล และในสนามเด็กเล่น เด็ก ๆ กลับไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงที่แท้จริงในการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 

“ในตอนนี้ เราไม่แนะนำให้รักษาระยะห่างกันในพื้นที่โรงเรียน และเด็ก ๆ ควรจะสามารถเล่นกันได้ตามปกติ และมันเป็นเรื่องยากที่จะแยกเด็ก ๆ ออกจากกัน” พญ.โคอิราลา กล่าว 

ที่เว็บไซต์หน่วยงานสาธารณสุขออสเตรเลีย ระบุว่า พบกรณีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในเด็กวัยเรียนและสถานศึกษาเกิดขึ้นเพียงร้อยละ 4.5 ของจำนวนผู้ติดเชื้อที่พบทั้งหมด  

ขณะที่การวิจัยของผู้ช่วยศาสตราจารย์โบเวน ได้แสดงให้เห็นถึงอัตราการแพร่กระจายเชื้อในระดับต่ำ ภายในโรงเรียนรัฐนิวเซาท์เวลส์​โดยกรณีการติดเชื้อที่มีความเกี่ยวของกับไวรัสโควิด-19 จนถึงปลายภาคเรียนที่ 3 เมื่อปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นอัตรากระจายเชื้อในระดับต่ำเพียงร้อยละ 1 จากบรรดาผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อเกือบ 6,000 คน

“เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี มีความเป็นไปได้น้อยที่จะกระจายเชื้อไปยังผู้อื่น และเป็นไปได้น้อยที่จะติดเชื้อเสียเอง นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ติดเชื้อเลย แต่หมายความว่าอัตราการติดเชื้อของพวกเขาอยู่ในระดับต่ำ แต่ความเสี่ยงของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่” ผู้ช่วยศาสตราจารย์โบเวน กล่าว

และด้วยเหตุผลนี้ พญ.โคอิราลา ได้แนะนำให้เด็กที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
Girl wears pretty mask
Source: Getty Images/Larissa Veronesi
“มันเป็นเรื่องสำคัญที่นักเรียนจะปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพ ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยในระบบขนส่งสาธารณะ มันสำคัญมากเพราะมีผู้ใหญ่จำนวนมากร่วมใช้บริการในพื้นที่แคบของพาหนะขนส่งเหล่านั้น” พญ.โคอิราลา กล่าว

คำแนะนำด้านสุขภาพของออสเตรเลียได้ระบุว่า เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่ผู้ช่วยศาสตราจารย์
โบเวน กล่าวว่า สิ่งนี้อาจเปลี่ยนไปหากเกิดการแพร่ระบาดขึ้นในอนาคต เธอระบุว่ายังไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งยังไม่พบการแพร่ระบาของไวรัสชนิดดังกล่าวในท้องถิ่นจนถึงขณะนี้

สำหรับ ดญ.เปเรซ จากนครบริสเบน ซึ่งมีมารดาเป็นเชื้อสายเอเชีย เธอยังคงสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอยู่เสมอตลอดช่วงวันหยุดปิดภาคเรียน แม้ว่าเธอจะเดินทางไปเรียนพิเศษ เธอได้เชิญชวนให้บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองเลือกหน้ากากอนามัยแบบที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ เพื่อให้พวกเขาสวมใส่มากขึ้นเมื่อจำเป็น
Adaia Perez
เด็กหญิงอไดอา เปเรซ (Adaia Perez) Source: Adaia Perez
“สำหรับเด็กบางคน พวกเขาอาจช่างเลือก เช่น ไม่ชอบสีนี้ ไม่ชอบแบบนั้น ใส่แล้วดูไม่ดี ไม่น่ารัก ลองให้พวกเขาคิดถึงสิ่งที่หน้ากากอนามัยจะช่วยได้ หากว่าเราไม่มีวัคซีนต้านโควิด มันจะเป็นแนวป้องกันสำรองของเรา” ดญ.เปเรซ​ กล่าว  

คุณยูนา เชา (Yuna Chao) ซึ่งเกิดในประเทศไต้หวัน เล่าว่า สารด้านสาธารณสุขในประเทศของเธอก็คือ “การป้องกันการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนานั้น เปรียบเหมือนการต่อสู้ในสงคราม” เธอยอมรับว่า เธอเชื่อในการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในการให้ลูก ๆ ทั้งสองคนของเธอ สวมใส่หน้ากากอนามัยในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง

เธอเล่าว่า ลูก ๆ ของเธอมีความคุ้นชินกับวิธีการสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบชาวไต้หวันในพื้นที่สาธารณะและในโรงเรียน ซึ่งเป็นมารยาททางสังคมที่ผู้คนที่นั่นยอมรับ

“ฉันจะบอกเด็ก ๆ ว่า ไม่เพียงแต่การสวมหน้ากากอนามัยจะปกป้องพวกเขา แต่ยังสามารถปกป้องผู้อื่นได้ด้วย การสวมใส่หน้ากากอนามัย คือการเติมเต็มหน้าที่ของเรา มันเป็นสิ่งที่มีเกียรติมาก นั่นคือวิธีที่ดิฉันสอนกับลูก ๆ และพวกเขาก็ยอมรับในแนวคิดนี้” คุณเชา กล่าว

แม้การสวมหน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวันจะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมออสเตรเลีย คุณจูเลียน (Julianne) พยาบาลกุมารเวชจากนครบริสเบน แนะนำว่า การเล่นแบบสวมบทบาทภายในบ้าน เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเด็ก ๆ นั้น เป็นสิ่งที่มีประโยชน์เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำด้านสุขภาพ

“ลองเล่นกับลูก ๆ แล้วดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไร นี่คือสิ่งที่พ่อกับแม่ทำในทุกวัน แต่มันเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับเด็ก ๆ เพราะพวกเขาไม่ชอบสวมใส่หมวก ซึ่งก็ไม่ต่างกับหน้ากากอนามัย” คุณจูเลียน กล่าว
Teenage girl studying
Source: Getty Images/valentinrussanov
ผู้ช่วยศาสตราจารย์โบเวน กล่าวว่า ขณะที่การฝึกสวมหน้ากากอนามัยที่บ้านนั้นสามารถช่วยเด็ก ๆ ได้ พ่อแม่ผู้ปกครองจำเป็นที่จะต้องสอนวิธีการสวมใส่และถอดหน้ากากอย่างถูกต้อง ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ 

  • ทำให้แน่ใจว่า คุณสัมผัสหน้ากากอนามัยเฉพาะบริเวณใบหูเท่านั้น
  • ล้างมือก่อนและหลังสวมใส่
  • และดูว่า เด็ก ๆ มีความคุ้นเคยกับการสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างกระชับและปลอดภัย
ส่วนคุณจูเลียน เชื่อว่า การรักษาสุขอนามัยมือนั้นเป็นสิ่งสำคัญกว่าการให้เด็ก ๆ สวมใส่หน้ากากอนามัย เธอยังกระตุ้นให้เด็ก ๆ ที่เป็นไข้หรือเป็นหวัดอยู่ให้ห่างจากพื้นที่โรงเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อไปยังเด็กที่มีความเสี่ยงคนอื่น ๆ ที่อาจมีภาวะระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง 

สำหรับ ด.ญ.เปเรซ ซึ่งกำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 6 ในปีนี้ เธอได้ผ่านการเข้าศึกษามาแล้ว 2 โรงเรียน เธอมีความพร้อมในการเริ่มต้นการศึกษาในโรงเรียนอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้  

สำหรับเด็ก ๆ ที่อาจรู้สึกวิตกกังวลกับการพบเพื่อนใหม่ ด.ญ.เปเรซ แนะนำให้เข้าร่วมกิจกรรมหลังเลิกเรียน เช่น กิจกรรมกีฬาหรือศิลปะ

“ลองทำกิจกรรมหลังเลิกเรียน เพราะหนูคิดว่าหลายโรงเรียนน่าจะเล่นเน็ตบอล บาสเก็ตบอล หรือมีกิจกรรมศิลปะ ลองไปร่วมกิจกรรมพวกนี้ และทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ แต่ถ้าไม่ชอบกิจกรรมพวกนี้ ทุกคนก็ยังคงมีเพื่อนที่รู้จักกันอยู่แล้ว” ด.ญ.เปเรซ กล่าว

ด.ญ.เปเรซ เล่าว่า เธอไม่รู้สึกกังวลกับความเป็นไปได้ที่จะต้องเรียนทางไกลจากที่บ้านในช่วงที่มีการแพร่ระบาด เนื่องจากเทคโนโลยีได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ของเธอและเพื่อน ๆ ยังคงแน่นแฟ้นมาตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์เมื่อปีก่อน

สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาที่กังวลว่าจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา พญ.โคอิราลา แนะนำว่า ให้พวกเขาจับกลุ่มกับเพื่อนให้เป็นกลุ่มก้อน

“วัยรุ่นหนุ่มสาวต่างต้องการที่จะออกไปไหนมาไหนข้างนอกด้วยกัน ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการเลือกคนที่จะออกไปเที่ยวด้วยกันสัก 2-3 คน และรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ” พญ.โคอิราลา กล่าว

สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาและคำแนะนำต่าง ๆ จากรัฐบาลออสเตรเลีย ไปที่เว็บไซต์


คุณสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา โทรหาสายให้ข้อมูลไวรัสโคโรนาแห่งชาติ () ที่หมายเลข


สำหรับบริการสนับสนุนทางอารมณ์สำหรับเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี โทรหาสายด่วน Kids Helpline ได้ทุกเวลา ที่หมายเลข 1800 55 1800

หากคุณต้องการบริการแปลและล่าม โปรโทรหาบริการแปลและล่ามแห่งชาติ (TIS National) ที่หมายเลข 13 14 50 และขอให้เจ้าหน้าที่ต่อสายไปยังบริการที่ท่านต้องการ
Mum daughter on devices
Source: Getty Images/Tang Ming Tung
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand