สำรวจล่าสุดชี้เด็กเล็กจากชุมชนหลากภาษาวัฒนธรรมเสี่ยงพัฒนาการช้า

CHILD CARE CENTRE STOCK

เครื่องเล่นเด็กในศูนย์ดูแลเด็กเล็ก Mud Puddles Cottage ในนครซิดนีย์ เมื่อวันที่่ 2 กรกฏาคม ปี 2018 Credit: BRENDAN ESPOSITO/AAPIMAGE

การศึกษาล่าสุดพบว่าเด็กที่มีภูมิหลังที่มาจากครอบครัวผู้ย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัยมีแนวโน้มที่จะมีพัฒนาการล่าช้า ปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน



ผลการวิจัยล่าสุดพบว่าเด็กที่มาจากครอบครัวผู้ย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัยเข้าถึงการศึกษาปฐมวัยล่าช้ากว่าเด็กส่วนใหญ๋

จากการศึกษาร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลียและบริการด้านการอยู่อาศัยนานาชาติ ( Settlement Services International) ชี้ให้เห็นว่าพัฒนาการของเด็กเหล่านี้อาจมีความเสี่ยงมากขึ้น

ศาสตราจารย์ด้าน การศึกษาเพื่ออนาคต (Education Futures) จาก มหาวิทยาลัย South Australia Sally Brinkman กล่าวว่า

"เราใช้การสำรวจสำมะโนประชากร ด้านพัฒนาการปฐมวัย ซึ่งเป็นการสำรวจการพัฒนาเด็กทุกๆ สามปีทั่วทั้งออสเตรเลีย นี่จึงเป็นการเห็นถึงแนวโน้มพัฒนาการของเด็กอายุประมาณ 5 ปีครึ่งทุกคนซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 96 ถึง 98 ของเด็กทั่วประเทศ"

"ผลการวิจัยพบว่าต้องได้รับการช่วยเหลือเรื่องเด็กที่มีภูมิหลังมาจากครอบครัวหลากภาษาและวัฒนธรรม (CALD) ต้องได้รับการช่วยเหลือด้านพัฒนาการ ข้อกังวลคือ และมีสิ่งที่น่ากังวลคือ จะมีช่องว่างระหว่างเด็กกลุ่มดังกล่าวกับเด็กออสเตรเลียทั่วไปหรือไม่"

Three toddler eating on white table
ในออสเตรเลียมีจำนวนเด็กร้อยละ 27 ที่สามารถพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษา Credit: Pexels/Naomi Shi
ในออสเตรเลีย เด็กมากกว่าหนึ่งในสี่ (คิดเป็นร้อยละ 27) พูดได้มากกว่าหนึ่งภาษา

และจากข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรด้าน พัฒนาการปฐมวัยของออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่าในปี 2021 ร้อยละ 82 ของเด็กที่มีภูมิหลังมาจากครอบครัวหลากภาษาและวัฒนธรรม และผู้ลี้ภัย ได้รับการศึกษาปฐมวัย (ในหลายรูปแบบที่ต่างกันไป)


แต่รายงานที่ชื่อว่า 'Stronger Starts, Brighter Futures' ชี้ว่า เมื่อเทียบกับเด็กอื่นๆ ซึ่งมีอัตราการเข้ารับการศึกษาปฐมวัยอยู่ที่ร้อยละ 90

 ศาสตราจารย์บริงก์แมนกล่าวว่าการไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาปฐมวัยอาจส่งผลกระทบต่อบุคคลตอนโต

 "ประมาณร้อยละ 46 มีแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการล่าช้า หากคุณไม่เข้าร่วมกลุ่มต่างๆ เช่น playgroups หรือการศึกษาปฐมวัยอื่นๆ"

หากคุณให้ลูกเข้าร่วมกลุ่มหรือเรียนในระดับอนุบาลในช่วงปีแรกๆ ของชีวิต คุณมีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนในด้านพัฒนาการเด็กมากขึ้น
ศาสตราจารย์ แซลลี บริงก์แมน
 
ผลการวิจัยยังพบว่า เด็กที่มีภูมิหลังมาจากครอบครัวผู้อพยพและผู้ลี้ภัยกว่าครึ่งหนึ่ง มีแนวโน้มที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือด้านพัฒนาการปฐมวัย เช่น การบำบัดการพูด (speech therapy) กิจกรรมบำบัด (occupational therapy) กิจกรรมบำบัด หรือการสนับสนุนด้านทุพลภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กทั่วไป

หัวหน้าฝ่ายวิจัยและนโยบายของ Settlement Services International ดร. ทาดจ์ มิค มาฮิน ซึ่งเป็นผู้เขียนร่วมของการวิจัยครั้งนี้

Government seeks to save $5 billion in reforms to childcare payments, paid parental leave
การวิจัยล่าสุดพบว่าเด็กที่มีภูมิหลังมาจากครอบครัวผู้อพยพและผู้ลี้ภัยกว่าครึ่งหนึ่ง มีแนวโน้มที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือด้านพัฒนาการ Source: AAP

กล่าวว่าเด็กที่มีภูมิหลังมาจากครอบครัวผู้ย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัย จำเป็นต้องมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาปฐมวัยที่เหมาะสมและมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือด้านพัฒนาการที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของพวกเขา ดร. มิค มาฮิน อธิบายว่า

" โดยรวมแล้วความแตกต่างระหว่าง เด็กที่มีภูมิหลังมาจากครอบครัวผู้ย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัยที่ได้รับการศึกษาปฐวัยกับเด็กทั่วไปมีน้อยลง แต่ยังมีช่องว่างที่แตกต่างกันมากในหมู่เด็กที่ต้องการการสนับสนุนด้านพัฒนาการ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การบำบัดการพูด กิจกรรมบำบัด หรือการสนับสนุนด้านทุพลภาพ"

 

การศึกษาดังกล่าวเผยแพร่ ในวารสารการศึกษาปฐมวัย ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่าพนักงงานดูแลเด็กและนักการศึกษาปฐมวัยต้องได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือเด็กกลุ่มที่ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นภาษาแม่มากขึ้น

นักวิจัยกล่าวว่าการเพิ่มอัตรา การเข้าเรียนในระดับปฐมวัย สามารถปรับปรุงได้ด้วยการผสมผสานมาตรการที่เป็นสากล การกำหนดเป้าหมาย และปรับให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อจัดการกับอุปสรรคในการไม่เข้าเรียนอนุบาลตั้งแต่เนิ่นๆ

 ดร. มิค มาฮินกล่าวว่าแนวทางเหล่านี้ จำเป็นต้องได้รับการประสานงานระหว่าง รัฐบาล ผู้ให้บริการการศึกษาปฐมวัย และผู้ให้บริการด้านการอยู่อาศัยในออสเตรเลีย

 "การวิจัยนี้มองว่าทุกคนมีส่วนร่วมในการปรับปรุงภาคส่วนนี้ ส่วนมากครอบครัวผู้ย้ายถิ่นจะไม่ทราบถึงประโยชน์ของการเรียนรู้จากการเล่น ซึ่งแนวความคิดการเรียนรู้จากการเล่นอาจไม่ได้แพร่หลายในประเทศแม่ของพวกเขา"

ผู้ให้บริการด้านการศึกษาปฐมวัยและนักการศึกษาปฐมวัยจึงต้องเข้าใจและวางแผนการสอนให้เหมาะสมต่อวัฒนธรรมของครอบครัวเหล่านั้น
ดร. ทาดจ์ มิค มาฮิน

 แม้ว่าการเข้าถึงการศึกษาปฐมวัยของเด็กชาวพื้นเมืองจะไม่ได้รวมอยู่ในรายงานนี้ แต่ถือว่าเป็นประเด็นที่ควรได้รับความสนใจเช่นกัน

งบประมาณของรัฐบาลกลางล่าสุดได้รวมโครงการต่างๆ ที่มุ่งเป้าไปยังชุมชนคนพื้นเมืองดั้งเดิม ซึ่งรวมถึงมีการจัดสรรงบประมาณจำนวน 29.1 ล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงการศึกษาปฐมวัย

 หัวหน้าผู้บริหารของกลุ่มระดับชาติเพื่อเด็กและครอบครัวชนพื้นเมือง หรือSNAICC แคทเธอรีน ลิดเดิ้ล กล่าวว่า เด็กและครอบครัวชนพื้นเมืองจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมในเรื่องการศึกษา

"มันเป็นสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับงบประมาณในการสนับสนุนเด็กๆ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่เราได้รับงบประมาณจำนวน 29.1 ล้านดอลลาร์ ที่ช่วยสนับสนุนหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็นทั้ง SNAICC และ NATSIAC (สภาแองกลิกันของชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส) และองค์กรระดับชาติต่างๆ ที่เป็นผู้นำในการกำหนดนโยบายสำหรับเด็ก”

“ เรายังคงต้องพยายามอย่างเต็มที่ และเราต้องวางแผนไปในทางเดี่ยวกัน เราจำเป็นต้องหายุทธวิธีที่ส่งเสริมให้เด็กได้เข้ารับการศึกษาต่อ ในระดับอุดมศึกษามากขึ้น ซึ่งงบประมาณมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินการดังกล่าว"



คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่  



Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand