ผลสำรวจชี้วิกฤตโควิด-19 ยังกระทบสุขภาพจิตต่อเนื่อง

Pedestrians walk from Flinders St station in Melbourne (AAP).jpg

Pedestrians walk from Flinders St station in Melbourne. Source: AAP

งานวิจัย ม.เมลเบิร์น เผยผลกระทบจากการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนายังส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประชาชนในเมลเบิร์น ที่ต้องพบกับมาตรการล็อกดาวน์ที่รัดกุมจากสถานการณ์ที่รุนแรงกว่ารัฐอื่น


ใรายงานฉบับใหม่ที่มีความครอบคลุมจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น พบว่าการแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะเริ่มต้น มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชนในออสเตรเลียอย่างมาก

จากผลลัพธ์ของการสำรวจด้านพลวัตรครัวเรือน รายได้ และแรงงานในออสเตรเลีย หรือ HILDA พบว่าประชาชนในรัฐวิกตอเรีย โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในนครเมลเบิร์น ได้รับผลกระทบเป็นพิเศษจากมาตรการล็อกดาวน์เมื่อปี 2020
A general view along Bourke Street in Melbourne, Sunday, July 18, 2021. Victoria is in day three of its latest COVID-19 lockdown as health authorities race to keep up with fleeting transmission of the virus. (AAP Image/James Ross) NO ARCHIVING
ย่านซีบีดีของนครเมลเบิร์น ระหว่างอยู่ในมาตรการล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2021 Source: AAP
การศึกษาวิจัยใหม่ของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ซึ่งมีผู้รวมการศึกษาวิจัยมากกว่า 17,000 คน เพื่อชี้วัดถึงผลกระทบด้านชีวิตความเป็นอยู่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2020 และมาตรการล็อกดาวน์ซึ่งเกิดขึ้นต่อจากนั้นระบุว่า ร้อยละ 45 ของผู้ตอบแบบสำรวจ คิดว่าการแพร่ระบาดใหญ่นี้ทำให้ชีวิตของพวกเขาแย่ลง

ผลลัพธ์จากรายงานการสำรวจด้านพลวัตรครัวเรือน รายได้ และแรงงานในออสเตรเลียหรือ HILDA (Household, Income and Labour Dynamics in Australia Survey) ได้รับการเผยแพร่โดยทีมวิจัยเศรษฐกิจและสังคมประยุกต์ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น

รายงานดังกล่าวแสดงให้ว่า ความเสื่อมโทรมด้านสุขภาพจิตในระยะแรกของการแพร่ระบาดใหญ่มีอยู่มาก โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือประชาชนออสเตรเลียที่มีอายุน้อย ระหว่าง 15-34 ปี 

ศาสตราจารย์ โรเจอร์ วิลกินส์ (Prof Roger Wilkins) หัวหน้าผู้จัดทำรายงาน HILDA ระบุว่า ผลกระทบที่มีต่อประชาชนนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล
ในปี 2020 เราพบว่าระดับของสุขภาพจิตลดลงเร็วกว่าที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างมากกับโควิด โดยเฉพาะเมื่อคุณเห็นว่ารัฐวิกตอเรียและเมลเบิร์นที่ลดลงมากเป็นพิเศษ
ศ.โรเจอร์ วิลกินส์ (Prof Roger Wilkins)
"และในบางครั้ง ระดับความกลัวเชื้อไวรัสก็มีไม่มากเท่ากับผลกระทบจากการล็อกดาวน์” ศาสตราจารย์วิลกินส์ กล่าว

ผลลัพธ์ด้านสุขภาพจิตเหล่านี้ พบว่ามีสาเหตุหลักมาจากการทำงานที่บ้าน และการขาดเครือข่ายการสนับสนุนทางสังคมอย่างสม่ำเสมอ

รายงานของ HILDA ยังได้เน้นย้ำถึงความไม่มั่นคงในตำแหน่งงานที่เพิ่มสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษ มีคนทำงานเกือบ 1 ใน 20 ที่ตกงาน และเกือบ 1 ใน 10 ที่ต้องถูกสั่งให้หยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง

แม้มาตรการล็อกดาวน์ในรัฐวิกตอเรียจะส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนอย่างคาดไม่ถึง แต่ศาสตราจารย์วิลกินส์ กำลังเน้นย้ำถึงนโยบายอื่น ๆ ของรัฐบาล ที่ช่วยลดปัญหาการตกงานเป็นวงกว้าง

“ผมหมายถึง เราพบอัตราการเลิกจ้างในระดับสูงกว่าที่เคยได้เห็นในศตวรรษนี้ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่ามีการตกงานเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในหมู่คนทำงานแคชวลระยะสั้น”
Centrelink queue
ประชาชนบางส่วนในนครบริสเบน ขณะกำลังต่อแถวเพื่อยื่นคำร้องขอรับเงินสวัสดิการรัฐ ที่หน้าสำนักงานเซนเตอร์ลิงก์ (Centrelink) Source: AAP
แต่เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะการเข้ามาแทรกแทรงของรัฐบาลในเวลานั้น โดยเฉพาะโครงการ Jobkeeper เราก็คงพบเห็นสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้
ศ.โรเจอร์ วิลกินส์ (Prof Roger Wilkins)
การค้นพบเหล่านี้ ได้ขยายผลไปจนถึงการระบุชี้ความสำเร็จและความล้มเหลวของแผนตอบสนองการแพร่ระบาดใหญ่ของรัฐบาล รายงานดังกล่าวยังได้เน้นย้ำถึงการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญของความไม่เท่าเทียมในปี 2020 ซึ่งลดลงมากที่สุดในรอบ 20 ปีในประวัติศาสตร์การจัดทำแบบสำรวจนี้

ศาสตราจารย์วิลกินส์ กล่าวอีกว่า การสนับสนุนด้านการเงินจากรัฐบาลออสเตรเลีย เป็นตัวอย่างของนโยบายที่สามารถช่วยเหลือกลุ่มที่เปราะบางที่สุดในช่วงเวลาวิกฤตได้

"แน่นอนว่า เราเห็นผู้คนจำนวนมากได้รับการยกออกจากความยากจนด้วยสิ่งนี้ โดยเฉพาะในหมู่ผู้รับเงินสวัสดิการรัฐ จากการจ่ายเงินสนับสนุนในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ รวมถึงเงินสนับสนุนระบบเศรษฐกิจด้วย" ศาสตราจารย์วิลกินส์กล่าว

"สิ่งนี้มีผลอย่างมากต่อมาตรฐานการครองชีพของผู้คนในชุมชนที่มีรายได้น้อยที่สุด และผมคิดว่า ระหว่างที่มีการถกเถียงเรื่องความยั่งยืนทางการคลังจากสิ่งนี้ แต่สิ่งที่โต้แย้งไม่ได้ก็คือมันอยู่ในความสามารถของรัฐบาล ในการยกระดับผู้คนจำนวนมากออกจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายได้”

การสำรวจรายปีดังกล่าว ซึ่งติดตามครัวเรือนจำนวน 9,500 หลังคาเรือน ยังได้บันทึกถึงการลดลงของผลิตภาพซึ่งรับรู้ได้ (perceived productivity) ในหมู่ผู้ตอบแบบสำรวจ สืบเนื่องจากการทำงานจากที่บ้าน

ศาสตราจารย์ มาร์ค วูดเด็น (Prof Mark Wooden) ผู้ร่วมจัดทำรายงาน HILDA อธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงนี้จะมีผลกระทบต่อชาวออสเตรเลียได้อย่างไร
ผู้คนจำนวนมากเหล่านี้ซึ่งถูกบังคับให้ทำงานจากที่บ้านไม่ได้พร้อมสำหรับสิ่งนั้นเสมอ พวกเขาอาจไม่ได้อยู่ในบ้านหรือที่พักอาศัยซึ่งจะถูกปรับเปลี่ยนให้สำหรับการทำงานจากที่บ้าน
ศ.มาร์ค วูดเด็น (Prof Mark Wooden)
"พวกเขาอาจไม่มีโฮมออฟฟิศ พวกเขาอาจต้องทำงานบนโต๊ะในห้องรับประทานอาหารกับใครคนอื่นในครอบครัวที่ต้องทำงานจากบ้านเหมือนกัน และพวกเขาอาจจะมีลูกซึ่งวิ่งไปมารอบ ๆ ในลักษณะที่ขวางทาง จนรวบกวนประสิทธิภาพการทำงานได้” ศาสตราจารย์วูดเด็น กล่าว
Working from home
ลักษณะการทำงานจากที่บางคนอาจต้องพบเจอ Source: Getty / Getty Images
แม้การถูกล็อกดาวน์อยู่ในบ้านอาจขัดขวางประสิทธิภาพในการทำงาน แต่รายงานของ HILDA ได้แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ของคู่ครองนั้นอาจดีขึ้นในสภาพแวดล้อมเช่นนี้

ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 19.1 ระบุว่า มาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระยะแรก ๆ ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้น โดยมีเพียงร้อยละ 6.6 ที่ระบุว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นแย่ลง

ดร.เอสเปอรานซา วีรา-ทอสคาโน (Dr Esperanza Vera-Toscano) นักวิจัยอาวุโสจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น อธิบายในส่วนนี้ว่า

“มันเป็นความจริงที่ขัดต่อสมมติฐานหรือข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นว่า อาจต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับคู่ครองของคุณนานกว่าที่คาดไว้ ต้องจัดการกับงานบ้าน เช่นเดียวกับทำงานไปด้วยและต้องดูแลลูกไปด้วย” ดร.วีรา-ทอสคาโน กล่าว
ตามหลักแล้ว ผลลัพธ์นั้นไม่ได้เป็นข้อสรุปที่ชี้ว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นแย่ลง แต่มันเป็นความจริงที่น่าประหลาดใจเล็กน้อยว่าเกือบ 20% ของบุคคลนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
ดร.เอสเปอรานซา วีรา-ทอสคาโน (Dr Esperanza Vera-Toscano)
ผลลัพธ์จากการสำรวจของ HILDA ยังได้ครอบคลุมถึงผลกระทบในเรื่องการศึกษาในปี 2020 อีกด้วย โดยพบว่าการเรียนจากที่บ้านนั้น ได้รับการกำหนดให้เป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับพ่อแม่มากกว่าครึ่งหนึ่ง

ดร.วีรา-ทอสคาโน กล่าวว่า สิ่งนี้เป็นไปได้ที่จะทำให้ผู้เรียนนั้นเสียเปรียบในรัฐที่มีความยุ่งเหยิงมากขึ้น
แน่นอนว่า รัฐวิกตอเรียในปี 2020 เป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ดิฉันหมายถึงประสบการณ์ในการพบเจอกับไวรัส และการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ก็ได้ทำให้การเรียนรู้นั้นแย่ลงสำหรับผู้คนในสัดส่วนที่สูงขึ้น
ดร.เอสเปอรานซา วีรา-ทอสคาโน (Dr Esperanza Vera-Toscano)
อย่างไรก็ตาม การค้นพบเหล่านี้ และข้อมูลล่าสุดในรายงานของ HILDA ครอบคลุมระยะเวลาเพียงปีแรกของวิกฤตโควิด-19 เท่านั้น โดยการวิเคราะห์การแพร่ระบาดใหญ่ในส่วนที่เหลือนั้นยังคงรอการเผยแพร่




คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand