รอบเดือนคุณเปลี่ยนไปหลังติดโควิดหรือเปล่า ผู้เชี่ยวชาญบอกไม่ต้องกังวล

บางคนอาจมีรอบเดือนเปลี่ยนไปหลังการติดเชื้อโควิด-19 และหลังการฉีดวัคซีน เพราะอะไร และเราควรกังวลหรือไม่

A black and white image of a woman on a blood-soaked background with her knees to her chest, surrounded by a hot water bottle, pads, tampons, and COVID-19 spike proteins, vaccine vials and needles

There is little research on what effects COVID and COVID vaccines have on menstrual cycles. Source: SBS

ประเด็นสำคัญในบทความ
  • มีรายงานทั่วโลกเกี่ยวกับรอบเดือนของผู้คนที่เปลี่ยนไปหลังจากการติดเชื้อโควิดและการฉีดวัคซีนต้านโควิด
  • ในขณะที่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “น่าจะมีความเชื่อมโยง" ระหว่างโควิดกับการเปลี่ยนแปลงของประจำเดือนในผู้หญิง
 ผู้คนทั่วโลกได้รายงานว่าถึงการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือนหรือประจำเดือนหลังจากติดเชื้อโควิด-19 หรือได้รับการฉีดวัคซีน

สำหรับบางคน ระยะห่างของรอบเดือนนั้นเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่บางคนพบการเปลี่ยนแปลงของปริมาณเลือดประจำเดือน มีการตกเลือดอย่างต่อเนื่อง และระดับการปวดประจำเดือนที่เพิ่มขึ้น

นี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญรู้จนถึงขณะนี้ว่า เหตุใดรอบเดือนของคนบางคนจึงเปลี่ยนแปลงไปหลังติดโควิด การเปลี่ยนแปลงใดที่ถือว่า "ปกติ" และเมื่อใดควรขอความช่วยเหลือ

มีหลักฐานหรือไม่ว่าโควิดอาจทำให้ประจำเดือนของเราเปลี่ยนแปลงไป?

ในขณะที่หลักฐานจากเรื่องเล่าระบุว่า มีผู้คนจำนวนมากที่มีระยะห่างของประจำเดือนเปลี่ยนแปลงหลังการติดเชื้อโควิด-19 หรือหลังการฉีดวัคซีน นักวิจัยจึงกำลังพยายามอย่างหนักที่จะระบุหาสาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

ดร.ไมค์ อาร์เมอร์ นักวิจัยอาวุโสด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ของมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ซิดนีย์ กล่าวว่า นั่นเป็นเพราะว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการศึกษาใดที่ใช้กลุ่มควบคุม (control group) ที่ไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ได้รับวัคซีน

“เห็นได้ชัดว่านั่นจะทำให้เราสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น” ดร.อาร์เมอร์ บอกกับเอสบีเอสนิวส์

อย่างไรก็ตาม ดร.อาร์เมอร์ กล่าวว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่ "น่าจะเป็นไปได้" ของการติดเชื้อโควิดและวัคซีนกับการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือนในคนบางคน

พญ.ปาฟ นานายักการา ผู้ชำนาญโรคเฉพาะสตรีและศัลยแพทย์ด้านการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช ที่ศูนย์สุขภาพสตรี จีน เฮลส์ (Jean Hailes for Women's Health) กล่าวว่า มีข้อสันนิษฐานหลัก 2 ข้อว่าเหตุใดสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น

“มันอาจจะเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน โดยวัคซีนหรือการติดเชื้อส่งผลต่อฮอร์โมน หรือกลไกที่ 2 คือเป็นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน คือการอักเสบซึ่งเกิดขึ้นจากการตอบสนองต่อการฉีดวัคซีนอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิคุ้มกันในเยื่อบุมดลูก ซึ่งมีศักยภาพที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของประจำเดือน” พญ. นานายักการา กล่าว

“เราทราบดีว่าผู้หญิงที่ทั้งใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมหรือผู้หญิงที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด ได้รายงานการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือน ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยที่จะมาจากการตอบสนองทางฮอร์โมน แต่น่าจะมาจากการอักเสบมากกว่า”
A south Asian woman wearing a black blazer and pale pink top smiles
พญ.ปาฟ นานายักการา กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของรอบเดือนหลังติดโควิด มีกลับไปเป็นปกติเมื่อผ่านไป 2-3 รอบเดือน Source: Supplied / Jean Hailes for Women's Health
ดร. อาร์เมอร์เห็นด้วยว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้น่าเชื่อมโยงกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของบุคคล

"ตัววัดระดับการอักเสบเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีของสิ่งต่างๆ เช่น อาการก่อนมีประจำเดือน" ดร. อาร์เมอร์ กล่าว

"ดังนั้น ผมคิดว่าสิ่งที่เป็นไปได้คือทั้งตัวเชื้อโควิดเองและวัคซีนโควิดทำให้เกิดภาวะอักเสบซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง"

การเปลี่ยนแปลงใดเกี่ยวกับประจำเดือนที่ถือว่า 'ปกติ'

แม้ว่าประจำเดือนของแต่ละคนจะมีลักษณะ "ค่อนข้างเฉพาะตัว" แต่ดร. อาร์เมอร์กล่าวว่ารอบเดือนที่มีระยะห่างทุกๆ 24 ถึง 35 วันนั้น "ค่อนข้างปกติ"

นั่นหมายความว่า หลังจากคุณติดเชื้อโควิด-19 หรือได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหากประจำเดือนของคุณมาเร็วกว่าหรือช้ากว่าปกติ 2-3 วัน คุณก็ไม่ควรวิตก

ดร. อาร์เมอร์กล่าวว่า ปริมาณของเลือดประจำเดือนที่มากกว่าหรือน้อยกว่าปกติ หรือมีอาการปวดประจำเดือนมากขึ้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มักมีรายงานเข้ามา ซึ่งคุณไม่ควรตื่นตระหนก

“ที่สำคัญคือ ผู้คนจำนวนมากรายงานว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นกลับมาเป็นปกติอีกครั้งหลังจากผ่านไป 2-3 รอบเดือน” พญ.ปาฟ นานายักการา กล่าว

"ในขั้นนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ส่งผลใดๆ ต่ออัตราการเจริญพันธุ์หรืออัตราการตั้งครรภ์ในอนาคต"

เมื่อใดที่เราควรปรึกษาแพทย์

ดร. อาร์เมอร์ กล่าวว่า ผู้ใดที่มีอาการปวดประจำเดือนอย่างต่อเนื่อง มีเลือดออกต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือตกขาวที่มีสีเปลี่ยนไป ควรปรึกษาแพทย์

“ผมคิดว่า ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า” ดร. อาร์เมอร์ กล่าว

"เราไม่ต้องการให้ผู้คนเพิกเฉยโดยมองว่ามันแค่อาการที่เกี่ยวข้องกับโควิด"
Dr Mike Armour
ดร.ไมค์ อาร์เมอร์ นักวิจัยอาวุโสด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ของมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ซิดนีย์ Source: SBS / Insight
พญ.ปาฟ นานายักการา เห็นด้วย โดยกล่าวว่าผู้คนควรปรึกษาแพทย์หากพบการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับรอบเดือนที่ทำให้พวกเขากังวล

"อาจเป็นอาการมีเลือดออกมาก เช่นเต็มผ้าอนามัยภายในหนึ่งชั่วโมง หรือมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ออกมา หรือหากคุณสังเกตเห็นว่าประจำเดือนมาบ่อยขึ้น หรือคุณไม่มีประจำเดือนมาสักระยะแล้ว จากเป็นเช่นนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตัดสาเหตุอื่นที่อาจนำไปสู่อาการเหล่านั้นออกไป” พญ.นานายักการา กล่าว

"สิ่งที่แย่ที่สุดคือการที่คุณนั่งอยู่บ้านขณะที่ทุกข์ทรมานอยู่อย่างเงียบๆ รู้สึกกังวล หรือใช้หมอกูเกิลหาข้อมูลเอง ขณะที่ความจริงแล้วมีความช่วยเหลือให้ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าไม่มีอะไรที่คุณต้องกังวล"

พญ.นานายักการา กล่าวว่า การติดต่อแพทย์ของคุณหากคุณพบว่ามีประจำเดือนที่เปลี่ยนไปนั้น อาจยังช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของการติดเชื้อโควิด-19 และการฉีดวัคซีน

“ในขั้นนี้ ดูเหมือนว่าความเสี่ยงทั้งหมดจะอยู่ในระยะสั้นมากในแง่ของการเปลี่ยนแปลงของประจำเดือน แต่วิธีเดียวที่เราจะรู้ได้คือ คุณออกมาให้ข้อมูล” พญ.นานายักการา กล่าว

————————————————————————————————————————————————

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


Share
Published 22 August 2022 11:10am
By Amy Hall
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand