รัฐบาลยกเครื่องระบบย้ายถิ่นฐานออสเตรเลียครั้งใหญ่

จากการตรวจสอบระบบการย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลียพบว่าเต็มไปด้วยการฉ้อโกงไม่ว่าจะเป็นใบสมัครวีซ่าผู้ลี้ภัยและวีซ่านักเรียน ซึ่งใบสมัครปลอมเหล่านี้ทำให้กระบวนการดำเนินการขอวีซ่าล่าช้า และนี่คือข้อมูลการเปลี่ยนแปลงที่จะมีผลบังคับใช้

Clare O'Neil (left) and Anthony Albanese (right) standing behind podiums

รัฐยกเครื่องระบบการย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลียครั้งสำคัญหลังจากการตรวจสอบพบปัญหาต่างๆ มากมาย Source: AAP / Mick Tsikas

ประเด็นสำคัญ
  • รัฐยกเครื่องระบบการย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลียครั้งใหญ่
  • การปฏิรูปดังกล่าวเป็นการตอบสนองหลังจากการตรวจสอบพบปัญหาต่างๆ มากมาย
  • ซึ่งรวมถึงแก๊งอาชญากรที่ใช้ช่องโหว่ในระบบย้ายถิ่นฐานเพื่อค้ามนุษย์
ในสัปดาห์นี้ระบบย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลียสั่นคลอนครั้งใหญ่ หลังมีรายงานเตือนว่าแก๊งอาชญากรกำลังหาประโยชน์จากช่องโหว่ของระบบย้ายถิ่นฐานออสเตรเลียในการค้ามนุษย์และบ่อนทำลายระบบการขอวีซ่าผู้ลี้ภัย

A woman speaking at a podium, with a man standing on a podium to her left
Home Affairs Minister Clare O’Neil says some people have been making false claims for asylum. Source: AAP / Mick Tsikas
เมื่อวันพุธ (4 ต.ค) มีการเปิดเผยข้อมูลการทบทวนระบบการย้ายถิ่นฐานพบว่ามีกระบวนเข้ามาการแสวงประโยชน์จากระบบการย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลียได้รับการเผยแพร่เมื่อ

ซึ่งจากการตรวจสอบพบการละเมิดกระบวนการขอวีซ่า ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง แอนดรูว์ ไจล์ส อธิบายว่าเป็นเรื่องที่ "น่าตกใจ เพราะมันเหมือนมีการทำเป็นขบวนการ"

มีใบสมัครผู้ลี้ภัยและนักศึกษาที่ฉ้อโกงจำนวนมาก และทำให้การดำเนินการขอวีซ่าล่าช้า หน่วยงานรัฐบาลรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่

จากการแถลงของรัฐบาลในสัปดาห์นี้ พรรคแรงงานได้เคลื่อนไหวเพื่อปราบปรามตัวแทนผู้อพยพและทุ่มงบประมาณแก่กระบวนการยุติธรรมเพื่อดำเนินการตรวจสอบกระบวนการขอลี้ภัย

ข้อมูลของระบบการย้ายถิ่นฐานใหม่มีอะไรที่สำคัญบ้าง

การหาประโยชน์จากระบบการขอวีซ่าผู้ลี้ภัย

รัฐบาลทุมงบประมาณ 160 ล้านดอลลาร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบวีซ่าผู้ลี้ภัย ซึ่งการทบทวนของระบบผู้ลี้ภัยเดิมพบว่ามันมีช่องโหว่ที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อขยายระยะเวลาการอาศัยในออสเตรเลีย

ความล่าช้าในการประมวลผลวีซ่าเป็น "แรงจูงใจให้ผู้ไม่ประสงค์ดีจำนวนมากใช้ประโยชน์จากการยื่นใบสมัครปลอมเพื่อรับการคุ้มครอง"

มีเพิ่มงบประมาณอีก 54 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างระบบการประมวลผลคำร้องขอวีซ่าคุ้มครองแบบเรียลไทม์

และจะเพิ่มจำนวนผู้พิพากษาเพิ่มเติมอีก 10 คนในศาลอุทธรณ์ฝ่ายบริหาร และจะย้ายไปทำงานกับคณะกรรมาธิการในปีหน้า และอีก 10 คนจะย้ายไปทำงานที่ศาลรัฐบาลกลางและครอบครัว เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว


รัฐมนตรี โอนีล กล่าวว่าการหาประโยชน์กับระบบย้ายถิ่นฐานกำลัง "ทำลายจริยธรรมของระบบย้ายถิ่นฐานของเรา" โดยผู้ลี้ภัยที่แท้จริงมักต้องเผชิญกับภาวะไร้ที่อยู่นานนับสิบปี เนื่องจากกระบวนการคัดกรองใบสมัครปลอมจำนวนมาก

เรามีปัญหากับผู้สมัครที่ยื่นคำร้องขอลี้ภัยโดยไม่มีเหตุผลและหลักฐานที่แข็งแกร่งและชัดเจนพอในการยื่นขอวีซ่าลี้ภัย เป็นที่ชัดเจนว่าในบางกรณี ระบบนี้กำลังถูกใช้หาประโยชน์ในการลักลอบเข้ามาทำงานในออสเตรเลีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แคลร์ โอนีล

ซึ่งหากประวิงเวลาในกระบวนการนี้ได้ พวกเขาสามารถอาศัยในออสเตรเลียในได้โดยเฉลี่ย 9-11 ปี โดยมีสิทธิเต็มที่ในการทำงาน ก่อนที่จะถูกเนรเทศซึ่งอาจจำแนกได้ดังนี้
  • วีซ่าคุ้มครอง: 2.5 ปี
  • การอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ฝ่ายบริหาร: 3.6 ปี
  • การพิจารณาคดี: 3-5 ปี
"สรุปแล้ว คุณสามารถมีสิทธิในการทำงานได้ค่อนข้างนาน แม้ว่าจะโดนให้ออกจากประเทศแต่มาทำงานในออสเตรเลียเป็นเวลา 10 ปีก็คงคุ้มแล้วล่ะ " รัฐมนตรี โอนีล กล่าว

 การยื่นขอวีซ่าผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2021 โดยในปีที่แล้วมีจำนวนผู้ขอวีซ่าตัวนี้ประมาณ 13,000 คน

รัฐตั้งหน่วยปราบปรามผู้แสวงหาผลประโยชน์

รัฐบาลจะจัดตั้งหน่วยปราบปรามถาวร ซึ่งจะเข้าทำงานในแผนกต่างๆ เพื่อคัดกรองใบสมัครที่สุ่มเสี่ยงและลงโทษผู้กระทำความผิด

 “หน่วยนี้จะทำงานตรวจสอบทั้งระบบตรวจคนเข้าเมืองและแก้ไขปัญหาใหญ่ที่เราเจอ และทำให้แน่ใจว่าเราได้ถอนรากถอนโคนของกระบวนการนี้และตอนนี้หน่วยดังกล่าวเริ่มปฎิบัติงานแล้ว” รัฐมนตรีโอนีลกล่าว
An Australian Border Force logo
The government will introduce a new strike force to combat exploitation.
และกุญแจสำคัญของหน่วยงานใหม่นี้คือหน่วยข่าวกรองของออสเตรเลีย ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้ถ่ายโอนข้อมูลที่รวบรวมจากต่างประเทศไปยังแผนกคัดกรองใบสมัครวีซ่า

หากหน่วยข่าวกรองทราบว่ามีกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ที่ปฏิบัติการในต่างประเทศ ข้อมูลนั้นจะถูกส่งต่อไปยังกิจการมหาดไทย ซึ่งจะตรวจสอบตัวแทนการย้ายถิ่นฐานที่อำนวยความสะดวกในกระบวนการย้ายถิ่นฐานที่มีฐานปฏิบัติการในออสเตรเลีย

ใบสมัครที่มาจากประเทศนั้นๆ อาจถูกจับตามองเป็นพิเศษ รัฐบาลเชื่อว่าการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่คัดกรองเราจะยิ่งพบผู้สมัครปลอมมากขึ้น

ระบบการตรวจคนเข้าเมืองก็จะได้งบเพิ่มเติม 50 ล้านดอลลาร์ ด้วยเช่นกัน

เจ้าหน้าที่คัดกรองตัวแทนการย้ายถิ่นฐาน

ตัวแทนช่วยเหลือการย้ายถิ่นฐาน (migration agent) ที่ช่วยดำเนินการอย่างไม่สุจริตในออสเตรเลียอาจเป็นฟันเฟืองหลักของห่วงโซ่การหาผลประโยชน์ดังกล่าว

รัฐบาลกลางกำลังดำเนินการปราบปราม โดยการเพิ่มอำนาจและสนับสนุนการทำงานของสำนักงานทะเบียนตัวแทนการย้ายถิ่นฐาน (OMARA) ซึ่งดูแลภาคส่วนนี้ซึ่งจะรวมไปถึง:
  • การเพิ่มจำนวนพนักงาน OMARA สองเท่า
  • มีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นสำหรับการประพฤติมิชอบและการยกเลิกการลงทะเบียนเป็นระยะเวลานานขึ้น
  • ตรวจสอบประวัติอาญากรรมก่อนที่จะลงทะเบียนเป็นตัวแทน
  • OMARA สามารถกำหนดเงื่อนไขให้กับตัวแทนการย้ายถิ่นฐานทั้งหลายได้

Woman smiles at the camera.
Former Victoria Police chief commissioner Christine Nixon's report has been released. Source: AAP / David Crosling

การตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น

หลังจากนี้รัฐบาลจะปฏิบัติการ Inglenook ทำการตรวจสอบทั้งระบบการย้ายถิ่นฐานทั้งหมดเป็นการถาวร

ปฏิบัติการ Inglenook ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และได้เปิดเผยแก๊งอาชญากรที่ใช้ประโยชน์จากระบบวีซ่าของออสเตรเลียเพื่อ:
  • การค้าประเวณีที่ผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ และการค้าทาสยุคใหม่
  • การนำเข้ายา
  • การฟอกเงิน
  • การหลบเลี่ยงภาษี

นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะขยายออกไปนอกเหนือจากอุตสาหกรรมทางเพศ โดยครอบคลุมถึงการแสวงประโยชน์ทางอาญาและการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ

ภายในเดือนมีนาคมปีนี้ ตรวจพบผู้สมัครวีซ่าปลอม 175 ราย ซึ่งนำไปสู่การออกประกาศแจ้งเตือนชายแดน 57 ครั้ง ปัจจุบันมีประเทศต่างๆ กว่า 90 ประเทศที่หน่วยงานนี้กำลังจับตามองอยู่

วีซ่านักเรียนปลอม

รายงานดังกล่าวยังพบอีกว่าอุตสาหกรรมการการศึกษาเป็นอีกหนึ่งต้นตอของปัญหาวีซ่า

นักเรียนต่างชาติที่หลั่งไหลเดินทางกลับมาออสเตรเลียหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยปลายปีที่แล้วโดยมีนักเรียนเข้ามาเรียนในออสเตรเลียถึง 370,000 คน

นักเรียนต่างชาติจะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินก่อนเดินทางมายังออสเตรเลีย แต่การตรวจสอบพบว่ามีการดำเนินการไม่สุจริต โดยบางครั้งเงินจำนวนเท่ากันจะโอนจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีหนึ่งในจำนวนผู้สมัครหลายราย


และจากการเปลี่ยนแปลงของระบบในกระทรวงมหาดไทยทำให้มีจำนวนการปฎิเสธวีซ่าพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้

โดยในเดือนมกราคม ผู้สมัครวีซ่านักเรียนประมาณร้อยละ 5 ถูกปฏิเสธแต่ในเดือนที่ผ่านมามีจำนวนวีซ่านักเรียนที่ถูกปฏิเสธถึงร้อยละ 30

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เจสัน แคลร์ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศชุดการเปลี่ยนแปลงที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ "เอเจนท์นักเรียนและสถาบันที่ดำเนินการหลบๆ ซ่อนๆ" แสวงประโยชน์จากนักเรียนต่างชาติ ดังนี้:
  • การห้ามมหาวิทยาลัยหรือสถาบันต่างๆ จ่ายค่าคอมมิชชันให้กับตัวแทนเพื่อแย่งชิงจำนวนนักศึกษาต่างชาติ
  • มีการทดสอบความเหมาะสมสำหรับเจ้าของสถาบันต่างๆ
  • การติดตามการเข้าเรียนของนักเรียน
ในปี 2018-19 มีการอนุมัติวีซ่าจากประเทศจีน มากกว่า 80,000 คน และจากอินเดียมากกว่า 60,000 คน



คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  



บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 




 

 

Share
Published 6 October 2023 10:33am
Updated 6 October 2023 11:13am
By Finn McHugh
Presented by Chayada Powell
Source: SBS


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand