ชี้มหา’ลัยออสฯ ควรปกป้องนักศึกษามากกว่านี้ จากเหตุจู่โจมตามวิทยาเขตต่างๆ

หลังเกิดการจู่โจมที่มีเป้าเป็นนักเรียนนานาชาติขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็เกิดคำถามว่าสถาบันการศึกษาสามารถปรับปรุงด้านความปลอดภัยได้อย่างไร

A gathering at Latrobe University to pay tribute to international student Aiia Maasarwe who was studying there before she was murdered Source: AAP

มีผู้มารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยลาโทรบเพื่อไว้อาลัยนักศึกษานานาชาติ น.ส. ไอยา มาซาร์เว ซึ่งเรียนที่นั่นก่อนจะถูกฆาตกรรม Source: Image source: AAP

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

You can read the full version of this article in English on SBS News .

ประเทศออสเตรเลียมีความภาคภูมิใจในการเป็นจุดหมายปลายทางอันปลอดภัย และความรู้สึกว่าปลอดภัยก็เป็นข้อหนึ่งในการตัดสินใจของนักศีกษานานาชาติเมื่อเลือกที่จะมาเรียนที่นี่

ดังนั้น การจี้ปล้น และการทำร้ายร่างกายนักเรียนนานาชาติติดๆ กันหลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในนครเมลเบิร์น จึงเป็นที่น่าวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากที่มีเสียงกล่าวหาจากสื่อต่างๆ ว่ามหาวิทยาลัยของออสเตรเลียนั้นปฏิบัติต่อนักเรียนนานาชาติราวกับว่าเป็น “ตู้กดเงิน”

แต่ก็ต้องยอมรับว่า การศึกษานานาชาตินั้นเป็นธุรกิจขนาดมหึมา ในปีการเงิน 2017-2018 มีนักเรียนนานาชาติกว่า 500,000 คนซึ่งอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนเกือบ $32 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจของออสเตรเลีย โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย

รองเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดขององค์กรยูนิเวอร์ซิตีส์ออสเตรเลีย (Universities Australia) นางแอนน์-มารี แลนส์ดาว์น กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า การศึกษานานาชาติเป็นแหล่งรายได้จากการส่งออกที่มากเป็นอันดับสามของประเทศออสเตรเลีย
“ชาวออสเตรเลียควรจะภาคภูมิใจอย่างที่สุดต่ออุตสาหกรรมซึ่งสำคัญนี้ และควรจะปกป้องมันอย่างเต็มที่”
และนั่นก็หมายถึงการปกป้องเหล่าลูกค้า
รัฐมนตรีสหพันธรัฐด้านการศึกษา นายแดน ทีฮาน ตอบโต้อย่างรวดเร็วต่อเหตุการณ์จู่โจมที่นครเมลเบิร์น เขากล่าวว่ารัฐบบาลกำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการการศึกษาเพื่อ “ทำให้แน่ใจว่าออสเตรเลียนั้นปลอดภัยและเป็นประเทศที่ต้อนรับนักเรียนนานาชาติ”

มีแนวปฏิบัติต่างๆ ด้านความปลอดภัยอยู่แล้วก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2018 ระเบียบปฏิบัติสำหรับผู้ให้การศึกษาและการอบรมแก่นักเรียนจากต่างประเทศจะบังคับให้สถานศึกษาให้ข้อมูลกับนักเรียนนานาชาติเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ของวิทยาเขตและในระหว่างที่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย

ระเบียบปฏิบัติดังกล่าวยังระบุว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ ควรมีพนักงานและระบบที่คอยให้ความช่วยเหลือนักเรียน โดยระบบต่างๆ นั้นรวมไปดึงด้านสุขภาพ การให้คำปรึกษา และการตอบสนองอย่างทันท่วงทีต่อเหตุการณ์วิกฤต เช่นการทำร้ายทางวาจาหรือทางจิตใจอย่างรุนแรง ความรุนแรงต่อร่างกายหรือความรุนแรงทางเพศ

โดยทั่วๆ ไป มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็บริหารจัดการวิทยาเขตของพวกตนได้ดี โดยมีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ครอบคลุมพื้นที่ มีโทรศัพท์ฉุกเฉินตามจุดต่างๆ และมีบริการรักษาความปลอดภัยที่ออกตรวจตราสอดส่อง ทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษาอยู่ในวิทยาเขตหากเกิดเหตุวิกฤติขึ้น

แต่การปกป้องนักศึกษานานาชาติในระหว่างการเดินทางไปและกลับจากมหาวิทยาลัยก็ยังคงเป็นความท้าทายอันใหญ่หลวง ตลอดจนถึงการที่พวกเขาใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในชุมชน

ความปลอดภัยนอกมหาวิทยาลัย

นักศึกษามหาวิทยาลัยมักตกเป็นเหยื่อเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ มีงานวิจัยที่นครเมลเบิร์นชิ้นหนึ่งซึ่งวิเคราะห์นักศึกษาทั้งหมด (ทั้งนักศึกษาท้องถิ่นและนานาชาติ) พบว่าเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาหญิงที่ร่วมทำสำรวจ เช่นเดียวกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTI+) ในสัดส่วนที่พอๆ กัน กล่าวว่าพวกเขาเคยตกเป็นเหยื่อของกิริยา หรือวาจาที่ส่อไปในทางเพศ ถูกเปิดเผยให้เห็นอวัยวะเพศ ถูกลูบคลำ หรือถูกติดตามเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ ในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ส่วนผู้ชายนั้นกว่าครึ่งหนึ่งก็รายงานว่าเคยถูกตกเป็นเหยื่อ

ฝ่ายผู้หญิงกล่าวว่า พวกเธอนั้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายๆ อย่าง ตั้งแต่การหลีกเลี่ยงเส้นทางบางสาย และหยุดให้มีคนมารับที่ป้ายหรือสถานี พวกเธอกล่าวว่าใช้วิธีตื่นตัวอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อ ผลการสำรวจยังออกมาน่าวิตกกังวลว่ามีเพียง 5.7 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตกเป็นเหยื่อ ที่รายงานต่อเจ้าหน้าที่
Australian universities have CCTV cameras on campus
Australian universities have CCTV cameras on campus Source: Shutterstock
การข่มขืนและฆาตกรรมนักศึกษานานาชาติวัย 21 ปี น.ส. ไอยา มาซาร์เว ในนครเมลเบิร์น ได้บ่งชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการเดินทางเพียงคนเดียวในเวลากลางคืนและการใช้บริการขนส่งสาธารณะ น.ส. มาร์ซาเว เดินเท้าตัวคนเดียวในเวลากลางคืนหลังจากลงจากรถรางที่บริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยลาโทรบในย่านบันดูรา

งานวิจัยอีกงานในเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนนานาชาติระดับชุมชนที่นครเมลเบิร์นพบว่า นักเรียนนานาชาตินั้น มักจะรายงานว่า หากเกิดการคุกคามต่อความปลอดภัยของพวกเขา ก็มักจะมีองค์ประกอบด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง มากกว่าเมื่อเกิดขึ้นกับนักเรียนภายในประเทศ

ความรุนแรงนั้นอาจเป็นการฉวยโอกาส โดยมีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมเช่นการเดินทางในเวลากลางคืนและการใช้บริการขนส่งสาธารณะเป็นปัจจัยเสี่ยง

มหาวิทยาลัยสามารถทำอะไรได้บ้าง

โครงการสร้างความคุ้นเคยต่างๆ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเป็นโอกาสที่จะให้ข้อมูลด้านความปลอดภัยกับนักเรียนนานาชาติ ซึ่งสามารถทำได้โดยผ่านวิดิโอ และการให้ตำรวจและผู้ให้บริการรายอื่นๆ มาพูดหน้าชั้น เช่นเดียวกันกับการมีแหล่งข้อมูลทางออนไลน์ที่สามารถเข้าใช้ได้ตลอด 24 ชม. โดยไม่มีวันหยุด

คำแนะนำด้านความปลอดภัยส่วนตัวของแต่ละบุคคลนั้นก็รวมไปถึงการไม่ทิ้งของมีค่าไว้ที่บ้านเมื่อออกมาข้างนอก และไม่ถือเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก ให้จดจำหมายเลข 000 (ทริเปิลซีโร) ซึ่งเป็นหมายเลขฉุกเฉินแห่งชาติ ที่จะให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

แต่โครงการสร้างความคุ้นเคยต่างๆ (Orientation programs) ซึ่งจัดขึ้นสองถึงสามครั้งต่อปี ก็จะเป็นช่วงที่นักศึกษาได้รับข้อมูลในเรื่องต่างๆ มากมายไปพร้อมๆ กัน และเรื่องความปลอดภัยของแต่ละบุคคลนั้นก็เป็นเพียงแค่หัวข้อหนึ่งท่ามกลางหลายๆ หัวข้อ ที่ถูกอธิบายด้วยเวลาที่มีอยู่จำกัด โครงการสร้างความคุ้นเคยจึงยังไม่เพียงพอ

มหาวิทยาลัยยังสามารถรับมือกับปัญหาความปลอดภัยสาธารณะได้ด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การจัดตารางเวลาอย่างสมเหตุสมผลเพื่อลดการเดินทางไปกลับวิทยาเขตในเวลากลางคืน การร่วมมือกับหน่วยงานด้านการขนส่งโดยตรงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนรถประจำทาง รถไฟ และสร้างความสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกับตำรวจในท้องที่อย่างใกล้ชิด

กลยุทธต่างๆ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการลงมือระดับนานาชาติที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเรียกว่าเฮลธียูนิเวอร์ซิตีส์ (Healthy Universities) ที่ส่งเสริมด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสวัสดิภาพของพนักงานและนักเรียน

ที่มหาวิทยาลัยกริฟฟิธ มีการเปิดให้ทั้งพนักงานและนักเรียนเข้าเรียนศิลปะป้องกันตัว โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เซฟแคมปัสเซส อิทส์ออลออนอัส (Safe Campuses It’s All On US) โดยมุ่งเน้นไม่เพียงแต่จะป้องกันตนเอง แต่ให้เข้าใจว่าเมื่อไรและที่ไหนที่คุณอาจมีความเสี่ยง และจะพัฒนากลยุทธต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้อย่างไร

มหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่งมีโครงการ เมทส์ (Mentoring and Transition Equals Success, MATES) หรือโครงการให้คำปรึกษาในลักษณะคล้ายคลึงกันให้กับนักเรียนใหม่ เพื่อช่วยให้พวกเขาได้รู้จักกับนักเรียนคนอื่นๆ และเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตที่มหาวิทยาลัย เครือข่ายนี้ก็อาจถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยของนักเรียนนานาชาติ หากว่าผู้ให้คำปรึกษานั้นได้รับการอบรมมาอย่างเหมาะสม มีทรัพยากรต่างๆ ที่คอยสนับสนุน และได้รับการส่งเสริมจากมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศออสเตรเลียได้มุ่งจัดการกับการคุกคามทางเพศและการระรานทางเพศโดยผ่านแนวคิดที่ชื่อว่า เรสเปกต์ นาว ออลเวส์ (Respect. Now. Always.) ซึ่งเป็นโครงการที่มีอยู่แต่เดิมอยู่แล้ว และครอบคลุมกว้างขวางในเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนนานาชาติ โดยมีการทำสัมนาเชิงปฏิบัติการและโครงการอบรมต่างๆ มีการประสานงานกับตำรวจ และการสนับสนุนให้เขียนรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แน่นอนว่า เรื่องดังกล่าวก็จำเป็นต้องอาศัยพนักงานที่ทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ และต้องมีทรัพยากรสนับสนุนมาจากสำนักงานนักเรียนนานานชาติ โครงการเหล่านี้จึงจะสามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน

นโยบายและคำแนะนำทั่วๆ ไปเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักเรียนนานาชาตินั้นมีอยู่อย่างเพียงพอมากมายอยู่แล้ว สิ่งที่เราต้องการก็คือโครงการต่างๆ ในระดับปฏิบัติการ โดยมีตำรวจและผู้มีส่วนร่วมอื่นๆ เป็นผู้นำการปฏิบัติโดนยึดหลักฐานจากงานวิจัยเป็นพื้นฐาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมินดูว่าแนวคิดริเริ่มต่างๆ ในโลกความเป็นจริงนั้นมีอะไรที่ทำได้และอะไรที่ไม่ได้ผล ด้วยวิธีนี้เราก็จะสามารถให้ความมั่นใจกับนักเรียนนานาชาติและครอบครัวของพวกเขาได้ ว่าความปลอดภัยของแต่ละบุคคลนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ช่วงรับน้องใหม่กลางปีก็เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ซึ่งก็เป็นโอกาสอันเหมาะสมที่จะพุ่งความสนใจไปในเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนนานาชาติ

ศาสตราจารย์เจฟ วิลก์ส์ ไม่ได้ทำงานให้ เป็นที่ปรึกษาให้ หรือรับเงิน หรือมีหุ้นส่วนในบริษัทหรือองค์กรใดๆ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ และได้เปิดเผยว่าไม่มความสัมพันธ์อื่นใดต่อกันนอกเหนือจากตำแหน่งทางวิชาการ







Share
Published 31 July 2019 2:36pm
Updated 1 August 2019 10:21pm
By Jeff Wilks
Presented by Tanu Attajarusit
Source: The Conversation, SBS News


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand