รัฐวิกตอเรียพบอีก 16 รายติดโควิด-19 นายกฯ เตือนอย่าชะล่าใจ

ยอดติดเชื้อเพิ่มไม่หยุด รมต.สุขภาพรัฐวิกตอเรียเผยวันนี้พบอีก 16 ราย แนะเลี่ยงเดินทางจุดเสี่ยงไวรัส นายกฯ ชี้เป็น "เครื่องเตือนสติ" ว่าเชื้อโควิดยังไม่หมดไป

coronavirus

Source: AAP

เจ้าหน้าที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในรัฐวิกตอเรียรายใหม่อีก 16 ราย ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบมากกว่า 2 เดือน หลังการพบผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักในช่วงเวลา 6 วันที่ผ่านมา

นางเจนนี มิคาโคส (Jenny Mikakos) รัฐมนตรีด้านสุขภาพของรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 16 ราย พบ 6 รายมีความเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดที่เจ้าหน้าที่ทราบดี ส่วนอีก 4 รายได้รับการกักตัวอยู่ในโรงแรม อีก 5 รายได้รับการตรวจพบเชื้อจากการตรวจหาตามปกติ และอีก 1 รายที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่

การเปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ เกิดขึ้นพร้อมกับคำแนะนำของคณะกรรมการหลักด้านการคุ้มครองสุขภาพของออสเตรเลีย (The Australian Health Protection Principal Committee หรือ AHPPC) ที่แนะนำว่า ชาวออสเตรเลียควรหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าออกจุดที่มีความเสี่ยงของเชื้อไวรัสโคโรนาในรัฐวิกตอเรีย 

โดยแถลงการณ์ของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ระบุว่า “ไม่เห็นด้วยอย่างมากต่อการเดินทางเข้าออกพื้นที่ดังกล่าว (ซึ่งรัฐบาลรัฐวิกตอเรียได้กำหนดให้เป็นจุดเสี่ยงของเชื้อไวรัสโคโรนา) จนกว่าการควบคุมการแพร่เชื้อในชุมชนจะได้รับการยืนยัน” 

แถลงการณ์ดังกล่าวได้ระบุว่า การแพร่ระบาดนั้นเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นเรื่องที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้น โดยได้เสริมว่า “มันเป็นเรื่องสำคัญในการที่เราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ รัฐบาลรัฐวิกตอเรีย ได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง เป็นพื้นที่เสี่ยงอันตรายจากไวรัสโคโรนา ซึ่งรวมถึงเทศบาลเมืองฮูม (Hume) เคซีย์ (Casey) บริมแบงค์ (Brimbank) มอร์แลนด์ (Moreland) คาร์ดิเนีย (Cardinia) และดาราบิน (Darebin)

"เราได้จัดทีมชุดเจ้าหน้าที่ 50 คน ที่จะเริ่มเคาะประตูบ้านพบประชาชนตั้งแต่วันนี้ เราจะเริ่มที่ Brimbank และ Cardinia ก่อน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ ซึ่งระบุตัวตนอย่างชัดเจนว่าเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งจะให้ข้อมูลและคำแนะนำต่าง ๆ สำหรับชุมชนในพื้นที่เสี่ยง" นางมิคาโคสกล่าว

รัฐมนตรีด้านสุขภาพของรัฐวิกตอเรีย ได้ขอให้ประชาชนในรัฐวิกตอเรียหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังจุดเสี่ยงไวรัสโคโรนา และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพ
เพียงเพราะคุณไม่ได้อยู่ในพื้นที่ปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นจุดเสี่ยง ไม่ได้หมายความว่าพื้นที่ของคุณไม่มีความเสี่ยง และทุกคนควรปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพทั้งหมดอย่างเคร่งครัด - นางมิคาโคสกล่าว
A map showing the coronavirus hotspots in Victoria as identified by the state's health department.
A map showing the coronavirus hotspots in Victoria as identified by the state's health department. Source: Victorian Department Of Health And Human Services
นางมิคาโคส กล่าวอีกว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 รายจากทั้งหมด มีความเชื่อมโยงกับโรงเรียนอนุบาลอัลบานเวล (Albanvale Primary School) ซึ่งรวมถึงครูผู้สอน 2 คน

นอกจากนี้ ยังมีเด็กเล็ก 1 ราย ที่มีผลการตรวจหาไวรัสโคโรนาเป็นบวก ทำให้สถานดูแลเด็กปฐมวัย New Beginning Nursery ในเมืองเรเซอวอร์ (Reservoir) ต้องปิดทำการเพื่อทำความสะอาดอย่างละเอียด

ส่วนอีก 2 รายนั้น มีความเชื่อมโยงกับร้านขายเสื้อผ้า H&M ในศูนย์การค้านอร์ธแลนด์ (Northland Shopping Centre)

นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในรัฐวิกตอเรียนั้น เป็น “เครื่องเตือนสติ” ว่าไวรัสโควิด-19 นั้นยังไม่หมดไป
Australian Prime Minister Scott Morrison
นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย Source: AAP Image/Lukas Coch
“ออสเตรเลียคือประเทศที่รับมือได้ดีหากเทียบกับนานาประเทศทั่วโลก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราจะชะล่าใจได้” นายมอร์ริสันกล่าว 

“เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่หายไปไหน มันยังคงอยู่ และยังคงมีผลกระทบ”

ศาสตราจารย์เบรตต์ ซัตทัน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพของรัฐวิกตอเรีย ย้ำว่า ผู้ไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหว Black Lives Matter ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะอยู่เบื้องหลังของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้ 

“ผู้คนไม่ได้ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด เช่นเดียวกับเมื่อช่วงเดือน หรือสองเดือนที่ผ่านมา” ศาสตราจารย์ซัตทันกล่าว

“แต่ผมไม่คิดว่าผู้ร่วมชุมนุมเคลื่อนไหว Black Lives Matter จะมีส่วนในการแพร่ระบาดครั้งนี้ เราไม่พบเห็นผู้คนที่ได้รับเชื้อมาจากการชุมนุมดังกล่าว”

แนะชาวออสฯ ทบทวนความจำเป็นก่อนเดินทางมาเมลเบิร์น

นางแกลดีส์ เบเรจิเกลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์จะยังคงเปิดชายแดนระหว่างรัฐวิกตอเรียต่อไป แต่ขอให้ประชาชนพิจารณาความจำเป็นในการเดินทางไปยังนครเมลเบิร์น

“เราขอแนะนำให้ประชาชนยังไม่เดินทางไปยังนครเมลเบิร์นในจุดนี้ เว้นแต่หากมีความจำเป็น” นางเบเรจิเกลียนกล่าว

“อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องมีการใช้ความระมัดระวังที่นั่น คำแนะนำจากรัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพก็คือ อย่าเดินทางไปยังจุดที่มีความเสี่ยงเหล่านั้นทุกกรณี”

นางอานาสตาเซีย ปาลาเชย์ มุขมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ในรัฐควีนส์แลนด์มีความกังวล หลังพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในรัฐวิกตอเรียเพิ่มสูงขึ้น 

"ดิฉันมีความกังวลกับสถานการณ์ในรัฐวิกตอเรีย รัฐมนตรีด้านสุขภาพก็กังวลกับสถานการณ์ในรัฐวิกตอเรีย มีการแพร่เชื้อในชุมชนเกิดขึ้นเป็นอย่างมากในรัฐวิกตอเรีย และดิฉันหวังว่ารัฐวิกตอเรียจะสามารถควบคุมสถานการณ์นี้ได้" นางปาลาเชย์กล่าว

นายมาร์ค แม็กโกแวน มุขมนตรีรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทางการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ได้จับตาสถานการณ์ในรัฐวิกตอเรียอย่างใกล้ชิด

"มันเป็นที่ชัดเจนว่า มันทำให้คุฯต้องคิดอีกครั้ง โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดในชุมชนที่รัฐวิกตอเรีย ที่เกิดขึ้นมาแล้วเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และพวกเขายังไม่สามารถสืบหาต้นตอได้" นายแม็กโกแวนกล่าวกับวิทยุ 6PR

"พวกเขาต้องปิดกิจการบางส่วนที่เพิ่งจะเปิดไปอีกครั้งได้ไม่นาน และนั่นคือความเสี่ยง ถ้าคุณพาไวรัสกลับมา นั่นหมายความว่าคุณต้องปิดกิจการอีกครั้ง"
ด้าน นพ.นิค โคตส์เวิร์ธ (Dr Nick Coatsworth) รักษาการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพของออสเตรเลีย กล่าวว่า รัฐบาลรัฐและมณฑลต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำเป็นที่จะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการจำกัดห้ามในพื้นที่ของตนเอง บนพื้นฐานทางระบาดวิทยาในท้องถิ่น

“ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล สำหรับรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย หรือมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี หรืออย่างรัฐควีนส์แลนด์เอง ในตอนนี้ ในการตัดสินใจในแง่ของความจำเป็นของมาตรการจำกัดห้ามแบบปิดหูปิดตา บนพื้นฐานของสถานการณ์ในรัฐวิกตอเรีย เนื่องจากลักษณะทางระบาดวิทยานั้นมีความแตกต่างกัน” นพ.โคตส์เวิร์ธ์ กล่าว

นายมาธิอัส คอร์มานน์ (Mathias Cormann) รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลสหพันธรัฐ กล่าวว่า กลุ่มก้อนการติดเชื้อของชาวรัฐวิกตอเรียนั้น ไม่ควรที่จะขัดขวางการกลับมาเปิดชายแดนระหว่างรัฐอื่น ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ 

นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า ยังไม่เคยมีการปิดพรมแดนระหว่างรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรียมาก่อน

“คุณไม่เห็นว่ามันมีปัญหาใด ๆ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เนื่องจากการแพร่ระบาดเกิดขึ้นในท้องถิ่นรัฐวิกตอเรีย” นายคอร์มานน์กล่าวกับผู้สื่อข่าว ในนครเพิร์ท

นายอินเนส วิลลอกซ์ (Innes Willox) ประธานกรรมการบริหารกลุ่มอุตสาหกรรมออสเตรเลีย กล่าวว่า การกลับมากระชับมาตรการจำกัดห้ามในรัฐวิกตอเรียให้รัดกุมขึ้น ได้ทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่เปราะบางลงไปแล้ว

“โชคไม่ดีนักที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะโหดร้ายและรุนแรง” นายวิลลอกซ์ระบุในแถลงการณ์

ส่วน นายคริส โบเวน (Chris Bowen) โฆษกด้านสุขภาพของพรรคฝ่ายค้าน กล่าวว่า เส้นทางในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนานั้นยังอีกยาวไกล

“การต่อสู้กับไวรัสนี้จะยังไม่มีชัยชนะ จนกว่าทุกที่ทั่วโลกจะสามารถต่อสู้กับไวรัสนี้ได้สำเร็จ” นายโบเวนกล่าว

เน้นการให้ความรู้ผู้มีภูมิหลังทางภาษาและวัฒนธรรมหลากหลาย

นางมิคาโคส กล่าวว่า รัฐบาลรัฐวิกตอเรียจะยกระดับการตรวจหาเชื้อและการมีปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่ชุมชน ในพื้นที่เสี่ยงอันตรายจากเชื้อไวรัส โดยมุ่งเน้นไปยังผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษน้อย

“เราต้องการที่จะทำให้แน่ใจว่า ทุก ๆ คนในรัฐวิกตอเรียนั้นเข้าใจสารด้านสาธารณสุข” นางมิคาโคสกล่าว 

“เรารับทราบถึงอุปสรรค์ในบางชุมชนในการเข้าใจสารทางสาธารณสุขของเรา เนื่องจากภาษาอังกฤษอาจไม่ใช่ภาษาแรกของพวกเขา และนี้เป็นเหตุผลที่เราจะเพิ่มความพยายามเป็นเท่าตัว ในการทำงานร่วมกับชุมชนเหล่านั้น” 

นอกจากนี้ นางมิคาโคส พบว่า ในบางชุมชน ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตรายจากไวรัสนั้น มีอัตราข้อเสียเปรียบมทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับสูง แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำให้แน่ใจว่า ประชาชนจะสามารถได้รับสารด้านสาธารณสุข โดยไม่มีเรื่องของทักษะภาษาอังกฤษเป็นกำแพงกั้น ซึ่งจะทำให้ผู้คนไม่รู้สึกวิตกกังวลกับการตรวจหาเชื้อ เพราะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานของผู้คน

รัฐวิกตอเรียมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ยังแสดงอาการอยู่ 125 ราย ซึ่งรวมถึงอีก 9 รายในโรงพยาบาล และอีก 2 รายในห้องไอซียู และอีก 1,700 รายที่อาการดีขึ้นแล้ว


ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ 

การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้ 

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 22 June 2020 1:08pm
Updated 23 June 2020 1:14pm
Presented by Tinrawat Banyat


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand