ถกประเด็นการ์ตูน “Bluey" ถูกวิจารณ์ว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก

รายการทีวีที่เด็กๆ ในออสเตรเลียชื่นชอบมีฉากที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าอาจไม่เหมาะสมกับเด็ก

A scene from children's TV show Bluey

ฉากในการ์ตูนที่เริ่มต้นด้วยพ่อและแม่ของ Bluey กำลังชั่งน้ำหนักตัวเองในห้องน้ำและแสดงความไม่พอใจกับน้ำหนักบนตาชั่งของพวกเขาต่อหน้าลูก ๆ Credit: ABC iView

ประเด็นสำคัญ
  • ฉากเปิดตัวตอนใหม่ของการ์ตูน Bluey ทําให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทางออนไลน์จากผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง
  • บางคนบอกว่าฉากนี้ชี้ให้เห็นว่าตอนที่พ่อแม่ของ Bluey ชั่งน้ําหนักนั้นอาจเป็นการส่งสาส์นผิดๆแก่เด็ก
  • ความเห็นอีกฝั่งหนึ่งบอกว่ามันเป็นเพียงภาพสะท้อนของความเป็นจริงและผู้ปกครองควรได้รับอนุญาตให้กังวลเกี่ยวกับน้ําหนักตัวของพวกเขา
การ์ตูน Bluey เป็นรายการทีวีสำหรับเด็กของออสเตรเลียที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ

แต่ฉากเปิดตัวในตอนใหม่ของ Bluey ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ทางออนไลน์เพราะบางฝ่ายมีความเห็นว่าฉากที่เป็นปัญหาดังกล่าวอาจส่งสาส์นผิดๆและอาจเป็นอันตรายแก่เด็ก ๆ

ตอนที่ว่านี้ มีชื่อว่า “ออกกำลังกาย” ซึ่งเป็นฉากที่เริ่มต้นด้วยพ่อและแม่ของ Bluey กำลังชั่งน้ำหนักตัวเองในห้องน้ำและแสดงความไม่พอใจกับน้ำหนักบนตาชั่งของพวกเขาต่อหน้าลูก ๆ

ขณะที่ Bandit พ่อของ Bluey มองดูร่างกายตัวเองในกระจกและเอามือจับท้องของตัวเอง Bandit บอกลูกๆ ของเขาว่าเขาต้องออกกำลังกายบ้าง ซึ่งสิ่งที่สื่อออกมาดูเหมือนว่าเขาเห็นว่าน้ำหนักและรูปร่างหน้าตามีความสัมพันธ์กับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ในสื่อสังคมออนไลน์มีความเห็นที่แตกแยกหลายฝ่ายของผู้ปกครองเกี่ยวกับ เหตุการณ์นี้ โดยบางคนบอกว่ามันสะท้อนความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน ในขณะที่คนอื่นๆ ยืนยันว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างความเสียหายต่อการมองภาพลักษณ์ทางร่างกายของตนเองแก่เด็กๆ


ส่วน คุณ เคลา ริงโรส นักโภชนาการเด็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่รู้สึกผิดหวังกับฉากนี้ในการ์ตูนชื่อดัง เธอเขียนข้อความบน Instagram ว่า

"ฉันเป็นแฟนตัวยงของ Bluey แต่การดู Bandit และ Chilli ตอนที่ชั่งน้ำหนักตัวเองและแสดงความเกลียดชังร่างกายของพวกเขาอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าลูกๆ มันช่างเป็นเรื่องที่ฉันไม่สบายใจจริงๆ"

“การ์ตูน Bluey เน้นย้ำในเรื่องการสร้างความสัมพันธ์กับพ่อแม่ และฉันก็ชอบมาก พวกเขามีความคิดสมัยใหม่และตระหนักถึงปัญหาสังคมในปัจจุบัน แต่ฉากดังกล่าวกลับไม่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เลย”

"เด็กๆ ไม่จำเป็นต้องเห็นพ่อแม่เกลียดรูปร่างตัวเองหรือต้องออกกำลังกายเพื่อให้ผอมลง พวกเขา (คนเขียนบทการ์ตูน) พลาดมากในตอนนี้"

แม้ว่าหลายคนจะแชร์เกี่ยวกับข้อความความกังวลของคุณริงโรส แต่มีหลายความเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับคำวิจารณ์ดังกล่าว พวกเขากล่าวว่าว่าพ่อแม่ควรได้รับอนุญาตให้กังวลเกี่ยวกับน้ำหนักของพวกเขาได้หากพวกเขาต้องการ เพราะว่าพวกเราเองก็เผชิญความลำบากเช่นกันที่จะหาเวลาออกกำลังกาย เพราะไหนจะต้องทำงาน และความรับผิดชอบต่างๆที่มีกับครอบครัว ซึ่งก็เป็นประเด็นที่กล่าวถึงการ์ตูนตอนที่ว่านี้ด้วย

จากข้อมูลของมูลนิธิบัตเตอร์ฟลาย (The Butterfly Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการกินที่ผิดปกติและปัญหาเกี่ยวกับภาพลักษณ์ซึ่งกล่าวว่าเด็ก จะเริ่มมีความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตนเองเมื่ออายุประมาณสี่ขวบ และเมื่ออายุประมาณหกขวบ พวกเขาสามารถที่จะมีความคิดแง่ลบเกี่ยวกับร่างกายและรูปร่างของตนเองได้

 คุณ สเตฟานี ดามิอาโน นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านภาพลักษณ์ร่างกายและผู้จัดการ ของบัตเตอร์ฟลาย บอดี้ ไบร์ท กล่าวว่า

"มันเป็นช่วงเวลาความคิด ความรู้สึกเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของร่างกายของเด็กๆ เริ่มก่อร่างสร้างตัวและวิธีคิดเกี่ยวกับร่างกายของที่ว่านี้จะติดตัวพวกเขาไปตลอดชีวิต"

"เรารู้ว่าพ่อแม่ ครอบครัว หรือต้นแบบใดๆ สามารถมีอิทธิพลกับเด็กได้ รวมถึงสื่อ และคนรอบข้างด้วย"

คุณ ลอเรน เบคแมน นักสร้างสรรค์เนื้อหาด้านสตรีนิยมบนสื่อต่างๆ กล่าวว่าในฐานะคนที่เคยมีประวัติการกินผิดปกติ การใช้ตาชั่งและการลดน้ำหนัก "เป็นแรงจูงใจในการออกกำลังกาย" ในตอนหนึ่งของรายการทีวีสำหรับเด็กเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกว่าต้องออกมาพูดอะไรบางอย่าง เธอเขียนบน Instagram ว่า

“เราสามารถสร้างสิ่งต่างที่ดีกว่านี้เพื่อลูก ๆ ของเรา เราควรยุติความคิดเชิงลบที่มีเกี่ยวกับการออกกำลังกายและการลดน้ำหนักและความต้องการที่จะต้องออกกำลังกายเพื่อรูปลักษณ์แทนที่จะให้ความสำคัญกับความรู้สึกนึกคิด”

"มีเหตุผลอื่นๆ มากมายที่เราจะออกกำลังกาย และไม่จำเป็นที่ต้องยึดโยงกับตัวเลขบนเครื่องชั่ง และ 'ความจำเป็น' ในการออกกำลังกายเพราะว่าน้ำหนักบนตาชั่ง”

"ฉันไม่ต้องการให้ลูกสาวของฉันมีความคิดเชื่อมโยงเกี่ยวกับน้ำหนักและการออกกำลังกายในเชิงลบ อย่าส่งต่อความกลัวโรคกลัวอ้วนและความกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักให้กับลูกๆ ของเรา เราติดค้างเรื่องนี้กับพวกเขาอยู่"


คุณ ดามิอาโนกล่าวว่า แม้ว่าเด็กๆ จะรับชม Bluey ตอนที่ "มีปัญหา" มันก็ไม่น่าจะทำให้เด็กเกิดความผิดปกติในการรับประทานอาหารได้ แต่ข้อมูลเชิงลบจากทีวี ภาพยนตร์ หนังสือ สื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงบ้าน และโรงเรียนก็อาจมีอิทธิพลต่อเด็กๆ ในเรื่องนี้ได้

“ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่ทำให้พฤติกรรมและทัศนคติที่เป็นปัญหากลายเป็นเรื่องปกติ มันก็อาจส่งผลเสียต่อความคิดของเด็กเกี่ยวกับร่างกาย การออกกำลังกาย และอาหาร” เธอกล่าว

“การตรวจสอบน้ำหนักและความจำเป็นที่ต้องออกกำลังกายเพราะว่าเราไม่พอในกับร่างกายของเรานั้นเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องและเราไม่ต้องการให้ฉายภาพซ้ำๆ ของความคิดที่ว่านี้ให้กับเด็กๆ”

"อะไรก็ตามที่ให้ค่าของน้ำหนักตัวกับความมีคุณค่าในตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ผิดเช่นเดียวกับเนื้อหาในสื่อใด ๆ ที่ทำให้เด็กเรียนรู้ว่าการออกกำลังกายมีไว้เพื่อเปลี่ยนรูปร่างหรือขนาดของร่างกาย หรือควรออกกำลังกายเพื่อชดเชยอาหารที่กินเข้าไปก็เป็นสิ่งที่ผิดด้วยเช่นกัน "


แม้ว่าเธอจะ "ชอบ" ข้อความของการ์ตูน Bluey ในตอนนี้ที่มีเรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่ที่ใส่ใจลูก ๆ แต่คุณริงโรสกล่าวว่าการ์ตูนนี้สามารถที่จะมีฉากตอนเปิดตัวแบบอื่นได้ เธอแสดงความเห็นว่า

“ฉันเห็นด้วยว่าการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพของเรา แต่การออกกำลังกายเพื่อให้มีรูปร่างที่ดีขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการให้ลูกกของฉันเรียนรู้แบบนั้น”

“ถ้าการ์ตูนตอนที่มีปัญหานี้ถูกสร้างใหม่โดยที่ 30 วินาทีแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Bandit รู้สึกอ่อนแรงหรือ Chilli รู้สึกไม่สดชื่นและพวกเขาตัดสินใจที่จะออกกำลังกายเพื่อที่จะให้รู้สึกดีขึ้น— ฉันสนับสนุนเต็มที่”

พ่อแม่จะสนับสนุนความคิดเชิงบวกกับรูปร่างของตนเองให้กับเด็กๆได้อย่างไร?


คุณ ดามิอาโนกล่าวว่ามีสิ่งสำคัญ 3 ประการที่ผู้ใหญ่สามารถทำได้ส่งเสริมความคิดเชิงบวกกับรูปร่างของตนเองแก่เด็กๆได้

ประการแรกคือ เธอแนะนำให้ผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างที่ดีในการที่รู้สึกดีกับรูปร่างของพวกเขาเอง เธอแนะนำว่า

"อย่าพูดในแง่ลบเกี่ยวกับรูปร่างของตนเอง คุณสามารถพูดว่าคุณไปยิมเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจ หรือเพื่อยืดกล้ามเนื้อ แทนที่จะพูดว่า 'ฉันจะไปยิมเพื่อลดน้ำหนัก"

 "วิธีการพูดและพฤติกรรมก็สามารถเป็นต้นแบบที่ดีได้ด้วย"

พวกเขาควรหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปร่างของเด็กหรืออาหารที่พวกเขากำลังกิน

"เรื่องสำคัญที่เราอยากหลีกเลี่ยงคือการล้อเล่นเรื่องรูปร่างหน้าตา เรารู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยในครอบครัวที่ใกล้ชิด สนิทสนมกัน แต่ขณะที่ร่างกายของเด็กกำลังเปลี่ยนแปลง มักจะเป็นช่วงเวลาที่การล้อเล่นแบบนี้เกิดขึ้นมากที่สุด"

คุณ ดามิอาโนกล่าวว่า

“คุณต้องการหลีกเลี่ยงคำพูดที่ว่า 'เธอจะอ้วนนะถ้าเธอกินเยอะแบบนี้' หรือสนับสนุนให้พวกเขาลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร - เราไม่ต้องการให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะว่ามันเป็นเรื่องอันตราย."

ผู้ใหญ่ควรสนับสนุนให้เด็กๆ พอใจและมีความสุขกับความเป็นตัวเองโดยที่ไม่ต้องยึดติดกับรูปร่างและภาพลักษณ์ภายนอก

“ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าพวกเขามีความสนใจเรื่องอะไร ช่วยส่งเสริมจุดเด่นของพวกเขา และอะไรที่ทำให้พวกเขาเป็นตัวของตัวเองที่สุด สนับสนุนให้พวกเขารู้สึกเชิงบวกกับรูปร่างของตัวเองไม่ว่าเป็นแบบใดก็ตาม”

"หนึ่งในสิ่งที่ฉันชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กเล็กๆ คือก่อนนอนเราคุยกันว่า'วันนี้เธอภูมิใจกับร่างกายส่วนใดของเธอมากที่สุด หรือวันนี้ร่างกายของเธอทำอะไรบ้าง"

"มันช่วยให้พวกเขารูสึกดีว่าร่างกายของพวกเขาทำอะไรได้มากกว่าที่เห็น และมีความสามารถทำสิ่งที่น่าทึ่งได้"

SBS News ได้ติดต่อไปยัง Ludo Studio ซึ่งเป็นบริษัทโปรดักชั่นของ Bluey เพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

สำหรับท่านใดที่ต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาความกังวลเกี่ยวกับรูปร่างของตนหรือความผิดปกติในการรับประทานอาหารสามารถติดต่อมูลนิธิบัตเตอร์ฟลายได้ที่หมายเลข 1800 33 4673 อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 



Share
Published 19 April 2023 4:03pm
Updated 19 April 2023 8:37pm
By Amy Hall
Presented by Chayada Powell
Source: SBS


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand