กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
“ขณะนี้วัคซีนไฟเซอร์นิยมใช้มากกว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นเข็มแรก เนื่องจากความเสี่ยงจะมีอาการแซกซ้อนจากโควิด-19 และความเสี่ยงที่จะมีผลข้างเคียงนั้นลดลง เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้วัคซีนมีผลดี แต่ก็ไม่ใช่ความเสี่ยงเป็นศูนย์”
ศาสตราจารย์พอล เคลลี หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐบาลออสเตรเลียกล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สรุปคำแนะนำที่ควรรู้เกี่ยวกับวัคซีนกระตุ้นโควิด-19 รุ่นใหม่
ออสเตรเลียประกาศงดจำหน่ายวัคซีนแอสตราเซเนกาตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2023
หลังพบความสัมพันธ์ระหว่างวัคซีนแอสตราเซเนกาและผลข้างเคียงที่รุนแรง ซึ่งพบได้น้อย
ปัจจุบันแอสตราเซเนกาเรียกคืนวัคซีนชุดแรกทั่วโลก หลังออกมายอมรับว่ามีผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์
รัฐมนตรีสาธารณสุขมาร์ก บัตเลอร์กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
แอสตราเซเนกาตัดสินใจเรียกคืนวัคซีนโควิดรุ่นแรกจากออสเตรเลียเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นจึงไม่มีการจำหน่ายที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย
"มันเป็นวัคซีนรุ่นแรกและถูกทดแทนด้วยวัคซีนรุ่นใหม่หลายตัวที่เน้นป้องกันสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งล่าสุดคือโอมิครอน (Omicron) ผมฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นเข็มแรก มันช่วยปกป้องผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ช่วยชีวิตไว้หลายล้านคน และผมต้องขอบคุณแอสตราเซเนกา”
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2023 แอสตราเซเนกายอมรับว่าวัคซีนที่จำหน่ายในชื่อแวกซ์เซเวเรีย (Vaxzevria) อาจทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันรุนแรงและเกล็ดเลือดต่ำ ในกลุ่มที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำหรือ TTS
หลังมีผู้ร้องทุกข์ 50 รายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 190 ล้านเหรียญออสเตรเลีย) ในสหราชอาณาจักร เนื่องจากได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนแอสตราเซเนกา และแอสตราเซเนกายอมรับในความบกพร่องนี้
“มันเป็นอาการเลือดอุดตันที่พบได้ยาก ซึ่งส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นเข็มแรก และนั่นทำให้เลือดแข็งตัว บางเคสมีการเสียชีวิต แต่พบได้ไม่บ่อย ผมคิดว่ามีผู้เสียชีวิต 11 รายที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนนี้ที่ออสเตรเลีย และ 8 ใน 10 คนเสียชีวิตจากเลือดแข็งตัว แน่นอนว่าเป็นผลข้างเคียงร้ายแรงสำหรับผู้ที่ได้รับ แต่สิ่งสำคัญคือมันเกิดขึ้นยากมาก”
วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่แตกต่างกัน Credit: Pexels/Maksim Goncharenok
TTS เป็นอาการที่พบได้ยากในออสเตรเลีย รัฐบาลระบุว่ามีผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 2 คนต่อ 100,000 คน ในกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และประมาณ 2-3 รายต่อ 100,000 คนในกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี
โดยอาการมักเกิดขึ้นระหว่าง 4 – 40 วันหลังจากได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก
นายแพทย์กริฟฟินกล่าวว่าไม่ควรกังวลกับผลข้างเคียงรุนแรงในตอนนี้
เราทราบถึงผลข้างเคียงของวัคซีนแอสตราเซเนกา เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis) หรือ TTS ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาไม่นานหลังจากได้รับวัคซีน
"กลุ่มที่มีอาการ TTS เกิดขึ้นภายใน 3 – 4 สัปดาห์แรก บางกรณีภายใน 6 สัปดาห์ และไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีอาการหลังจากกรอบเวลานี้ ดังนั้นจึงไม่ควรกังวลว่าหากได้รับวัคซีนแล้วจะมีอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาการ TTS”
รายงานล่าสุดระบุว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาล็อตสุดท้ายหมดอายุในวันที่ 21 มีนาคม 2023
แอสตราเซเนกาออกมาแถลงว่าวัคซีนแวกซ์เซเวเรียได้ช่วยชีวิตผู้คนได้กว่า 6.5 ล้านคนในปีแรกของการใช้งาน
และเนื่องจากได้มีการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ออกมาอีกหลายตัว การใช้วัคซีนแวกซ์เซเวเรียจึงลดลง และได้เริ่มเพิกถอนการอนุญาตทางการตลาดในยุโรปแล้ว
โดยจะงดใช้วัคซีนในสหภาพยุโรปและทำการยื่นของดใช้ในประเทศอื่นด้วย
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
จริงหรือที่ออสเตรเลียต้องใช้เวลาฉีดวัคซีนถึงปี 2023
