ผลสำรวจพบพนักงานเลือก WFH มากกว่ามาทำในออฟฟิศ

ภาพผู้คนเดินไปมาบนท้องถนนในนครเมลเบิร์น

Source: AAP

ขณะที่สถานที่ทำงานหลายแห่งเริ่มใช้รูปแบบการทำงานแบบผสมระหว่างที่บ้านและที่ทำงาน (Hybrid working) จากสถานการณ์โควิด-19 แต่ผลสำรวจล่าสุดพบว่า คนทำงานจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะกลับไปทำงานในออฟฟิศแต่ไม่เต็มเวลา ขณะที่เจ้าของธุรกิจบริการวอนประชาชนเข้าเมืองช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจ


จะทำงานจากที่บ้าน...หรือไม่ทำจากที่บ้านดี? นั่นเป็นคำถามสำหรับชาวออสเตรเลียจำนวนมาก ขณะที่ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ภายในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศกำลังค่อย ๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

สำหรับ คุณดาร์เรน ซิลเวอร์แมน (Darren Silverman) เจ้าของร้านกาแฟ แบล็ก เวลเว็ต (Black Velvet) ในนครเมลเบิร์นซึ่งอยู่รอดจากมาตรการล็อกดาวน์หลายครั้ง  เขากล่าวว่าธุรกิจต่างๆ เริ่มดีขึ้น

“ถ้าเราผ่านมันมาได้ ผมคิดว่าเราก็ผ่านไปได้ทุกอย่าง เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่ยังอยู่ตรงนี้ แต่ก็มีหลายที่ ๆ ไปไม่รอด ซึ่งเราก็รู้ดีว่ามันยากลำบากขนาดไหน แต่ตอนนี้เราเปิดร้าน เราอยู่ตรงนี้ เรากำลังซื้อขายกัน และมันก็กำลังไปได้ดี” คุณซิลเวอร์แมน กล่าว

แต่อย่างไรก็ดี เขากล่าวอีกว่าตอนนี้ในเมืองเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์
ยังคงมีกระแสตีกลับจากบางอุตสาหกรรมในเรื่องการมาทำงานในเมือง มีไม่น้อยที่ไม่อยากกลับมา มีไม่น้อยที่มีเหตุผลว่าทำไมพวกเขาไม่อยากกลับมา
"สิ่งที่เราพบในตอนนี้ก็คือ คนที่เลือกจะกลับมาทำงานหรือมาทำงานในออฟฟิศรู้สึกสนุกไปกับมัน พวกเขากลับมาด้วยความตั้งใจว่าจะเข้ามาในเมืองสักวันสองวันต่อสัปดาห์ และบางคนก็เข้ามาตั้งแต่ 3, 4 ไปจนถึง 5 วันต่อสัปดาห์ พวกเขาชอบการได้อยู่กับผู้คนอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีกระแสตีกลับจากบางกลุ่ม ซึ่งผมคิดว่าเราพบเห็นเป็นจำนวนหนึ่ง” คุณซิลเวอร์แมน กล่าว

การทำงานแบบผสมในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาจเป็นแนวคิดที่น่าดึงดูดใจ

ผศ.จอห์น ฮ็อปกินส์ (John Hopkins) จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสวินเบิร์น (Swinburne University of Technology) กล่าวว่า ส่วนที่เหลือของผู้คนที่ยังไม่ได้กลับไปทำงานในออฟฟิศ ก็เริ่มปรับใช้บางส่วนของรูปแบบการทำงานลักษณะนี้

“การทำงานแบบผสมคือความสามารถที่จะมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่งว่าคุณจะทำงานที่ไหน เช่นเดียวกับสถานที่ทำงานของคุณด้วย
แต่เมื่อคุณมอบความยืดหยุ่นระดับหนึ่งให้กับคนทำงานว่าพวกเขาจะทำงานที่ไหน และจะทำเมื่อไหร่ หากมีความยืดหยุ่นเมื่อเวลาผ่านไปในเรื่องเวลาว่าพวกเขาจะเริ่มงาน จะพักเบรก หรือจะเสร็จงานเมื่อไหร่ สิ่งนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับการเพิ่มผลผลิต ผศ.ฮ็อปกินส์ กล่าว
แต่การทำงานลักษณะนี้ ไม่ใช่สำหรับทุกคน

หอการค้าและอุตสาหกรรมรัฐวิกตอเรีย (The Victorian Chamber of Commerce and Industry) ได้สำรวจความเห็นจากธุรกิจ 88 แห่งในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) โดยพบว่าพนักงานออฟฟิศยังต้องการที่จะใช้เวลาส่วนหนึ่งของสัปดาห์เพื่อทำงานจากที่บ้าน ผลสำรวจพบว่า:

  • ร้อยละ 42 ของพนักงานทำงานจากออฟฟิศ 1-2 วันต่อสัปดาห์
  • ร้อยละ 25 ทำงานจากออฟฟิศ 3-4 วันต่อสัปดาห์
  • ร้อยละ 19 ทำงานจากออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์
  • ขณะที่ร้อยละ 14 ไม่ได้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศเลย
  • เกือบร้อยละ 70 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ไม่ได้คาดหวังให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศแบบเต็มเวลา
พอล เกวรา (Paul Guerra) ประธานบริการหอการค้าและอุตสาหกรรมรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ผู้คนเลือกที่จะทำงานจากบ้าน คือเรื่องของสมดุลชีวิตและการทำงาน (Work-life balance) ตามมาด้วยเวลาในการเดินทางที่ยาวนาน และความกลัวที่จะติดเชื้อโควิด-19

“เมื่อเราถามผู้ตอบแบบสำรวจว่าอะไรเป็นเหตุผลสำคัญที่จะไม่กลับไปทำงานในออฟฟิศ 34% บอกว่าพวกเขาต้องการสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน อีก 29% บอกว่าเพราะเวลาในการเดินทางที่ยาวนาน พวกเขาไม่อยากเสียเวลาในการเดินทางไปทำงานมากขนาดนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในระบบขนส่งสาธารณะ อยู่ในรถ หรือต้องขับขี่ และก็มีอีก 15% ที่บอกว่าพวกเขายังคงกลัวที่จะติดโควิด”

“ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย”

“เรายังทราบอีกว่า ระหว่างที่กำลังเข้าสู่หน้าหนาว คุณทราบดีว่าเราไม่เคยมีฤดูกาลไข้หวัดใหญ่มา 2-3 ปีแล้ว  เพราะฉะนั้น สัญญาณเริ่มต้นก็คือมันจะเป็นฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ที่ยากลำบาก”
ผมจึงคิดว่า ผู้คนคงกำลังจะพูดว่าเราได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจากที่บ้าน เรายินดีที่จะกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ และผลสำรวจก็แสดงให้เห็นอย่างนั้น แต่เราไม่จำเป็นจะต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศอย่างเต็มเวลา คุณเกวรา กล่าว
แต่สำหรับบางคน ลักษณะการทำงานแบบยืดหยุ่นอาจไม่ก้าวหน้าอย่างที่คิด

หนึ่งในผู้วิจารณ์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในเรื่องนี้ นั่นก็คือ จูเลีย กิลลาร์ด อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ซึ่งระบุว่า แม้ลักษณะการทำงานดังกล่าวจะฟังดูน่าดึงดูดใจ แต่สำหรับผู้หญิงบางคนอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เธอกล่าวในที่ประชุมพร้อมคณะ ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันระดับโลกเพื่อความเป็นผู้นำของผู้หญิง (Global Institute for Women's leadership) ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา

“แต่เพราะฉันคิดว่า เรารู้ว่าแรงงานภายในประเทศ และแรงงานในงานด้านการดูแลนั้นไม่ได้รับการกระจายอย่างเป็นธรรม มันมีความเสี่ยงว่าถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยในอีก 5 ปีข้างหน้า"
สิ่งที่เราจะเห็นก็คือ แบบแผนที่ผู้หญิงเลือกทำงานจากที่บ้านอย่างไม่เป็นสัดส่วน โดยเฉพาะในระยะสร้างครอบครัว และผู้ชายซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าไปทำงานในออฟฟิศเป็นประจำกว่าและพบเห็นได้ชัดเจนมาก หากไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยก็จะเป็นกลุ่มที่ได้รับการพิจารณาให้เลื่อนตำแหน่ง ได้รับการสนับสนุน ได้รับโอกาสดีที่สุดสำหรับการฝึกอบรมต่าง ๆ เพราะผู้หญิงก็จะเป็นกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะหายไปหลังจอคอมพิวเตอร์ จูเลีย กิลลาร์ด อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
เอมมา วอลช์ (Emma Walsh) ประธานบริการองค์กร Parents at Work กล่าวว่า ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกำลังคนทำงานพาร์ทไทม์มากที่สุดในโลก และผู้หญิงก็ได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นสัดส่วน

เธอมองว่า เพราะการที่สังคมมีความคาดหวังที่ว่า ผู้หญิงส่วนมากจะต้องรับความรับผิดชอบในการดูแล และรักษาสมดุลเรื่องการทำงานและชีวิตภายในบ้าน การทำงานจากที่บ้านซึ่งกำลังเกิดขึ้นนั้นกำลังทำให้เส้นระหว่างชีวิตและการทำงานเริ่มจางลง

“และมันก็คืบคลานเข้ามาในบ้านของเราในหลายรูปแบบ ซึ่งเราไม่ได้เห็นมันตลอด และมันก็เข้ามาในนาทีสุดท้ายด้วย อย่างเช่น โอ้ ฉันแค่จะตอบอีเมลนี้ก่อนที่จะเสร็จงานคืนนี้ แต่ตอนนั้นมันอาจจะเป็นเวลา 4 ทุ่มแล้ว แต่ก็เพราะอีเมลอยู่ตรงหน้า และก็มีความหวังอีกว่าเราจะต้องว่างเสมอเพราะเรามีเทคโนโลยีกันแล้ว” คุณวอลช์ กล่าว

ด้านประธานบริหารหอการค้าและอุตสาหกรรมรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า การทำงานจากที่บ้านนั้นเป็นประโยชน์ในเฉพาะบางอุตสาหกรรม

“เราทราบว่า นี่เป็นหนึ่งในสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องดิ้นรนก่อนช่วงโควิดระบาด เราจะรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานอย่างไร ตลอดการแพร่ระบาดของโควิดเราคงจะอยู่ที่บ้านนานกว่าที่เราต้องการ แต่เราก็ได้เรียนรู้ว่าสามารถทำงานจากที่บ้านได้
ดังนั้น สิ่งที่เราได้รับจากสถานการณ์โควิดก็คือ สภาพแวดล้อมที่เราควรใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เราเรียนรู้ในช่วงการระบาดให้ดีที่สุด และผนวกรวมกับสิ่งที่เราต้องการจากทั้งบุคคลธรรมดาและภาคธุรกิจที่ต้องการออกจากการแพร่ระบาดของโควิด คุณพอล เกวรา ประธานบริหารหอการค้าและอุตสาหกรรมรัฐวิกตอเรีย
สำหรับเจ้าของธุรกิจอย่าง คุณดาร์เรน ซิลเวอร์แมน สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อนั้นชัดเจน
กลับมาทำงานในเมืองกันเถอะ เท่านั้นแหละ มันยอดเยี่ยม เมืองกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้งซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องการคนอีกจำนวนมาก

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand