คนงานหญิงผู้ย้ายถิ่นกว่าครึ่งเผยเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานแต่ไม่กล้าบอกใคร

MIGRANT WOMEN WORKPLACE HARASSMENT

Federal Minister for the Environment Tanya Plibersek, NSW Minister for Women Jodie Harrison, Unions NSW Secretary Mark Morey, with workers Source: AAP / STEVEN MARKHAM/AAPIMAGE

จากการสำรวจล่าสุด แสดงให้เห็นว่า 51% ของคนงานผู้หญิงที่มีภูมิหลังเป็นผู้ย้ายถิ่นที่ทำการสำรวจเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานแต่ไม่กล้าเปิดเผย และ 75% ของจำนวนนี้ เปิดเผยว่าเหตุที่พวกเขาไม่ได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากกลัวการเอาคืน ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเรื่องนี้ เพื่อปกป้องคนงานเหล่านี้ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น


กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน


รายงานฉบับล่าสุดพบว่าร้อยละ 51 ของแรงงานสตรีที่มีภูมิหลังเป็นผู้ย้ายถิ่นเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมที่มีอัตราการล่วงละเมิดทางเพศมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมการก่อสร้างคิดเป็นกว่า 4 ใน 5 หรือร้อยละ82 ของผู้ตอบแบบสอบถาม

ตามมาด้วยอุตสาหกรรมเกษตร ร้อยละ 53 อุตสาหกรรมการบริการ ร้อยละ 51 อุตสาหกรรมค้าปลีก ร้อยละ 50 และอุตสาหกรรมการทำความสะอาด ร้อยละ 42

สหภาพแรงงานรัฐนิวเซาท์เวลส์ (Unions New South Wales) ดำเนินการวิจัยนี้ในระยะเวลา 12 เดือน โดยสอบถามคนงานผู้หญิงมากกว่า 3,300 คนทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ถือวีซ่าชั่วคราวในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา

รายงานดังกล่าวจัดทำโดยรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ทันยา พลิเบอร์เสก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรีของรัฐนิวเซาท์เวลส์ โจดี แฮริสัน

ผลการวิจัยพบว่าผู้หญิงที่ถือวีซ่าชั่วคราวคิดว่านายจ้างไม่มีมาตรการที่ปกป้องความปลอดภัยอย่างเพียงพอ และทำให้ผู้หญิงจำนวนมากลาออกจากงานเพราะเหตุนี้

เลขาธิการสหภาพแรงงานแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ มาร์ก มอเรย์ กล่าวว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เคยมีประสบการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานไม่ได้รายงานอาชญากรรมดังกล่าว

ร้อยละ 75 ของคนที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศบอกเราว่าไม่แจ้งความเพราะกลัวถูกยกเลิกวีซ่า, กลัวไม่มีงานทำ การรายงานการถูกล่วงละเมิดทางเพศของคนงานผู้หญิงที่ถือวีซ่านั้นมีอัตราต่ำกว่าความเป็นจริงมาก
เลขาธิการสหภาพแรงงานแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ มาร์ก มอเรย์


คุณ ลิน นักเรียนต่างชาติวัย19ปี เป็นหนึ่งในคนงานผู้หญิงที่ทำการสำรวจในรายงานนี้ เธอเคยทำงานในอุตสาหกรรมการบริการ เธอเปิดเผยว่า

"บ่อยครั้งที่เจ้าของร้านจะตะโกนใส่เราและเรียกเราด้วยชื่อต่างๆ ที่ไม่สุภาพต่อหน้าลูกค้า พฤติกดรรมนี้มันเกิดขึ้นบ่อยจยกลายเป็นเรื่องธรรมดาในที่ทำงาน แล้วลูกค้าก็หัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน ตอนที่เจ้าของร้านทำแบบนั้นกับเรา"

ยิ่งไปกว่านั้น คุณลินเล่าว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานของเธอ คุณลิน เล่าว่า ครั้งหนึ่งที่เธอเข้าพบเจ้าของร้านที่มีอายุในที่ทำงานเพื่อขอเวลาทำงานเพิ่ม

เขาตอบกลับคำขอของฉันอย่างดีโดยสัญญาว่าจะหาชั่วโมงทำงานเพิ่มให้ฉัน เขาขอให้ฉันไปพบเขาในเช้าวันถัดไปเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อฉันไปถึงในวันถัดมา เขาบอกว่าเราควรไปนั่งหารือกันที่คาเฟ่ที่อยู่ห่างจากร้านของครอบครัว ฉันก็ไว้ใจเขา ขณะที่ฉันอยู่ในรถ เขาทำสิ่งแรกที่ทำคือเขาจูบเธอ

คุณลินบอกว่า เธอช็อกและตอนนั้นเธอไม่แน่ใจว่า เรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องของความแตกต่างทางวัฒนธรรมหรือไม่

"เขาขับรถออกไป ในขณะที่ฉันจดจ่อว่าเมื่อไหร่ถึงจะถึงคาเฟ่ที่เขาบอก สักพักหนึ่ง ฉันเริ่มตระหนักว่าเขาขับออกนอกเส้นทาง ฉันถามเขาด้วยเสียงหนักว่าเขากำลังจะคิดพาฉันไปที่ไหน เรายังจะคุยเรื่องชั่สโมงงานกันอยู่หรือเปล่า"

คุณลินรู้สึกไม่ปลอดภัยและบอกเขาว่าเธออยากกลับบ้าน

"เมื่อเขาได้ยินดังนั้น เขาแสดงอาการไม่พอใจออกมาทันที ฉันกลัวมาก เขาดึงตัวมา แล้วรีบเอามือล้วงตามร่างกาย ขณะนั้นฉันแน่ใจแล้วว่า ฉันกำลังถูกนายจ้างล่วงละเมิดทางเพศ”

ในที่สุดคุณลิน หลบหนีออกจากรถมาได้ และเธอบอกว่า เวลาตอนนั้นกว่าจะกลับถึงบ้านได้ มันช่างยาวนาน


ฉันต้องกลับมาทำงานตอนเย็นเพราะรู้ว่าถ้าฉันลาออกตอนนี้ ฉันคงยังหางานใหม่ไม่ได้ในทันที และพวกเขายังไม่ได้จ่ายค่าจ้างที่เหลือ และฉันต้องจ่ายค่าเช่าแล้วด้วย
คุณ ลิน เหยื่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน

คุณ มาร์ก โมเรย์กล่าวว่าผู้อพยพย้ายถิ่นฐานมาออสเตรเลียเพื่อหาโอกาสที่ดีให้ชีวิตแต่กลับต้องเผชิญกับการแสวงหาผลประโยชน์อันเลวร้ายจากที่ทำงานแทน

"มันเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากที่ได้ฟังเรื่องราวจากผู้หญิงที่เคยประสบกับการล่วงละเมิดทางเพศ มันมีผลกระทบต่อคนที่ทำงานโดยเฉพาะผู้หญิงเมื่อพวกเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ การสนับสนุนให้ผู้หญิงเหล่านี้ออกมาพูดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพบกเธอต้องอาศัยความกล้าอย่างมาก หากเราต้องการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเหล่านี้ และเราจะต้องเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในที่ทำงานด้วย"

ผู้หญิงจำนวนมากรายงานว่าเผชิญกับปัญหาที่เพิ่มขึ้นเมื่อพวกเธอพยายามปกป้องตัวเอง รวมถึงการถูกไล่ออก บังคับให้ลาออก การถูกตัดเวลางาน หรือการได้รับคำขู่เรื่องการถูกเนรเทศออกนอกประเทศ

ผู้ก่อตั้งองค์กร Culturally Diverse Women (CDW) ดิพ พิลเลย์ ชี้ว่า

"ผู้หญิงจากชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรมทำงานหนักเพื่อที่จะได้เลื่อนขั้น หากพวกเธอก้าวขึ้นสู่ระดับกลางถึงระดับสูงในที่ทำงาน ก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเธอที่จะรายงานเรื่องการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เพราะพวกเธออาจมีทางเลือกอาชีพไม่มากนัก มันมีสิทธิ์ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพ เพราะมันเสี่ยงกับการถูกเอาคืนได้"

 คุณพิลเลย์กล่าวว่าผู้ย้ายถิ่นจำนวนมากต้องทำงานเพื่อดูแลคนที่อยู่ข้างหลัง

"พวกเขาต้องส่งเงินกลับบ้าน เพื่อดูแลลูก หรือพ่อแม่ มันกลายเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมากเพราะมันเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินของพวกเขา"

พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศที่พบบ่อยที่สุดคือ การแสดงความคิดเห็นและมุกตลกที่ส่อเสียดทางเพศ (ร้อยละ 52) รองลงมาเป็นคำถามที่ก้าวก่ายเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวหรือรูปลักษณ์ภายนอก (ร้อยละ 42) การชวนไปออกเดทซ้ำๆ (ร้อยละ 28) การล่วงละเมิดทางกาย (ร้อยละ 23) การจ้องมองที่ไม่เหมาะสม (ร้อยละ 24) และ การสัมผัสร่างกายที่ไม่เหมาะสม (ร้อยละ 20)

รัฐมนตรีพลิเบอร์เสกกล่าวว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนและคุ้มครองวีซ่าสำหรับผู้อพยพย้ายถิ่นฐานที่ต้องการดำเนินการกับนายจ้างของตน โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ และพวกเธอมีสิทธิที่จะอยู่ในประเทศต่อไปได้ในขณะที่มีการดำเนินการสอบสวนคดีเหล่านั้น

เลขาธิการสหภาพแรงงานแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ มาร์ก มอเรย์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนที่เหมาะสมในเรื่องนี้

"สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้มั่นใจว่ามีช่องทางที่เหมาะสมทางวัฒนธรรมสำหรับผู้หญิงที่ถือวีซ่า สามารถรายงานเรื่องนี้ได้ ประการที่สอง จะต้องมีบริการด้านภาษา เพื่อให้ผู้คนสามารถเปิดเผยปัญหาที่เจอในภาษาของตนเองได้ "

คุณ ลิน เห็นด้วยกับการเสนอบริการสนับสนุนข้างต้น

"การปฏิบัติโดยคำนึงถึงความบอบช้ำทางจิตใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนงานที่เป็นผู้ย้ายถิ่น สิ่งสำคัญมากคือการมีคนรับฟัง และจะทำให้พวกเขาสบายใจในการรายงานปัญหานี้มากขึ้น"

หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักต้องการพูดคุยเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศหรือการล่วงละเมิดทางเพศ โทร 1800RESPECT ที่ 1800 737 732 หรือไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ หรือหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ให้โทร 000

______________________________________________________________________________________________________________________

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


 

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand