ศาลออสฯ สั่งลงโทษสามีที่ข่มขู่และบังคับภรรยากลับประเทศ

ชายชาวอินเดียในออสเตรเลียผู้หนึ่ง ถูกศาลตัดสินจำคุก 21 เดือนในข้อหาค้ามนุษย์โดยบังคับให้เหยื่อเดินทางออกนอกประเทศ ตำรวจสหพันธรัฐวิตกว่าอาชญากรรมในลักษณะนี้กำลังเพิ่มขึ้น

Indians in Australia

Human trafficking victims can seek AFP help by calling 131AFP (131237). Source: Supplied by AFP

หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในออสเตรเลียกำลังวิตกเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมการค้ามนุษย์โดยบังคับให้เหยื่อเดินทางออกนอกประเทศ หรือที่เรียกว่า exit human trafficking ซึ่งเหยื่อถูกบังคับให้เดินทางออกจากออสเตรเลีย ผ่านการข่มขู่และหลอกลวง

กรณีแรกที่ถูกศาลตัดสินลงโทษดังกล่าว ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะในเดือนมกราคม 2021 ที่ผ่านมา เมื่อชายสัญชาติอินเดียผู้หนึ่งถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดและถูกตัดสินลงโทษจำคุก 21 เดือน จากการที่เขาส่งภรรยาและลูกสาววัย 2 เดือนจากซิดนีย์ไปยังอินเดีย โดยซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินขาเดียวให้เดินทางไป ในเดือนมีนาคม 2017


เนื้อหาสำคัญของเรื่อง

  • ชายชาวอินเดียผู้หนึ่งถูกตัดสินจำคุก จากการบังคับให้ภรรยาและลูกเดินทางออกนอกออสเตรเลีย
  • กรณีการค้ามนุษย์โดยบังคับให้เหยื่อเดินทางออกนอกประเทศ หรือที่เรียกว่า exit human trafficking กำลังเพิ่มขึ้น ตำรวจสหพันธรัฐเผย
  • การค้ามนุษย์เป็นอาชญากรรมในทั่วทุกรัฐและมณฑลของออสเตรเลีย และมีโทษจำคุกสูงถึง 12 ปี

human trafficking เปรียบเทียบกับ exit human trafficking

human trafficking การค้ามนุษย์เกี่ยวข้องกับการนำคนเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่ exit human trafficking หมายถึงการส่งคนออกจากประเทศอย่างผิดกฎหมาย

ตำรวจสายสืบ นาวินเดอร์ ซิงห์ พันด์เฮอร์ (Navinder Singh Pandher) ของตำรวจสหพันธรัฐ (เอเอฟพี) บอกกับ เอสบีเอส ฮินดี ว่า การค้ามนุษย์เป็นอาชญากรรมในทุกรัฐและมณฑลของออสเตรเลีย ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี

เอเอฟพี เป็นองค์กรหลักในการสืบสวนกรณีการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบและกรณีการใช้แรงงานทาสสมัยใหม่ในออสเตรเลีย

กลไกของอาชญากรรมประเภทนี้

เอเอฟพีได้สืบสวนกรณีดังกล่าว หลัง ซึ่งเป็นองค์กรไม่มุ่งหวังผลกำไรที่มีสำนักงานใหญ่ในซิดนีย์ ได้แจ้งกับเอเอฟพีเกี่ยวกับหญิงที่ตกเป็นเหยื่อในกรณีนี้

“จากนั้น หญิงคนดังกล่าวได้บอกกับตำรวจว่า ขณะนั้นเธอกลัวว่าชีวิตของเธอจะตกอยู่ในอันตราย และเธอถูกขู่ฆ่า หากไม่ยอมทำตาม” ตำรวจสายสืบ พันด์เฮอร์ กล่าว

เขากล่าวต่อไปว่า หลังจากหญิงผู้นี้ได้เดินทางออกจากออสเตรเลียไปแล้ว ชายผู้ต้องหาได้ติดต่อหน่วยงานราชการและแจ้งข้อมูลเท็จ

“เขานำข้อมูลอัตลักษณ์ส่วนบุคคลของหญิงผู้นี้ไปใช้ เพื่อพยายามถอนสถานะวีซ่าที่ถูกกฎหมายของเธอ โดยพยายามกีดขวางเธอไม่ให้เดินทางกลับมายังออสเตรเลียได้” ตำรวจสายสืบ พันด์เฮอร์ กล่าว

แต่จากนั้นสองเดือน หญิงคนดังกล่าวได้เดินทางกลับมายังออสเตรเลีย และได้ติดต่อ

ตำรวจสายสืบของเอเอฟพีได้รับวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของสนามบิน ที่แสดงให้เห็นหญิงผู้นี้ “กำลังเป็นทุกข์อย่างเห็นได้ชัด” ขณะกำลังอุ้มทารกและโต้เถียงกับชายคนดังกล่าว ที่บริเวณสำหรับผู้โดยสารเครื่องบินขาออก ก่อนขึ้นเครื่อง
Indians in Australia, Sydney, Melbourne, Perth, Brisbane
ชายชาวอินเดียผู้หนึ่งถูกตัดสินจำคุก จากการข่มขู่และบังคับให้ภรรยาและลูกเดินทางออกนอกออสเตรเลีย Source: Supplied by the AFP
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นที่พักในซิดนีย์ของชายผู้ต้องหาวัย 29 ปีคนดังกล่าวในเดือนกันยายน 2017 และทำการจับกุมตัวเขาในอีกสองเดือนต่อมา ขณะที่เขาพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ

ตำรวจสายสืบ พันด์เฮอร์ กล่าวว่า เหยื่อมักประสบความยากลำบากในการแจ้งความอาชญากรรมในทำนองนี้

“ผู้ที่กำลังเอารัดเอาเปรียบพวกเขา หรือผู้ที่ลักลอบนำพวกเขาเข้าหรือออกจากประเทศ อาจเป็นญาติหรือเพื่อนสนิท ดังนั้น จึงยากลำบากที่พวกเขาจะออกมาเปิดเผยเรื่องนี้”

“เราต้องการให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่า มีทางออกให้พวกเขาสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านี้ และเราสามารถช่วยเหลือได้” ตำรวจสายสืบ พันด์เฮอร์ ย้ำ

“บุคคลนั้นอาจได้รับบาดเจ็บ บุคคลนั้นอาจต้องอยู่กับนายจ้างหรือบุคคลอื่น ที่ไม่ยอมให้พวกเขาสุงสิงกับใครได้อย่างอิสระ เหยื่ออาจไม่มีหนังสือเดินทางอยู่กับตัว หรือไม่มีเอกสารแสดงอัตลักษณ์ในรูปแบบอื่นอยู่กับตัว บุคคลนั้นอาจมีสภาพความเป็นอยู่หรือสภาพการทำงานที่เลวร้าย หรือบุคคลนั้นอาจไม่เคยได้ออกจากบ้านด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่การทำงาน”

“บุคคลนั้นอาจมีเงินไม่มากหรือไม่มีเลย หรือไม่สามารถเข้าถึงเงินของตนได้” ตำรวจสายสืบ พันด์เฮอร์

Image

มีความช่วยเหลือให้เสมอ

ตำรวจสายสืบ พันด์เฮอร์ กล่าวว่า ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อสามารถขอรับความช่วยเหลือได้จากตำรวจสหพันธรัฐ (เอเอฟพี) ด้วยการโทรศัพท์ไปที่

“เราสามารถพยายามดำเนินคดีอาชญากรรมได้ และช่วยให้เหยื่อได้เข้าร่วม ซึ่งดำเนินการโดยกาชาดออสเตรเลีย (Australian Red Cross) ซึ่งโครงการนี้ให้ความช่วยเหลือทั้งระยะยาวและระยะสั้นแก่ผู้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์”

“เราต้องการให้ผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อทราบว่า เรามีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ที่ไม่เพียงแต่ได้รับการอบรมในการสืบสวนเรื่องอ่อนไหวเหล่านี้ แต่ยังเป็นผู้ที่มีความเข้าอกเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ และยินดีจะคำนึงถึงความต้องการของเหยื่อเป็นอย่างแรก” ตำรวจสายสืบ พันด์เฮอร์ เผย

เขากล่าวด้วยว่า ชุมชนสามารถช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้ด้วยการเฝ้าสังเกตสิ่งที่อาจบ่งบอกถึงกรณีเหล่านี้และแจ้งให้เอเอฟพีทราบ

แต่ตำรวจสายสืบ พันด์เฮอร์ ย้ำว่า หากมีบุคคลใดตกอยู่ในอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างฉับพลัน ควรโทรศัพท์ติดต่อไปที่หมายเลข 000 ทันที

ประชาชนสามารถโทรศัพท์ติดต่อ ได้ที่ (03) 93451800 เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาโดยเจ้าหน้าที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

สำหรับบริการแปลและล่ามฟรี ให้โทรศัพท์ไปที่ 131 450


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 4 May 2021 1:36pm
Updated 4 May 2021 2:04pm
By Sahil Makkar
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS Hindi

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand