Explainer

ประสบปัญหาในการจ่ายหนี้ค่าผ่อนบ้าน? นี่คือสิ่งที่คุณทำได้

มีสัญญาณบางอย่างที่ชี้ว่าผู้คนกำลังพบความยากลำบากในการชำระหนี้ค่าผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น นี่คือหนทางช่วยเหลือผู้ที่กำลังมีความจำเป็น

Houses in an estate.

อาร์บีเอ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกัน Source: AAP / Darren England

ประเด็นสำคัญ:
  • อาร์บีเอ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกัน
  • ผลสำรวจล่าสุดพบว่าเกือบร้อยละ 25 ของผู้มีสินเชื่อซื้อบ้าน มีความเสี่ยงที่จะพบภาวะบีบคั้นจากหนี้เงินกู้ซื้อบ้าน
  • นี่คือความช่วยเหลือที่มีให้หากคุณประสบปัญหาในการชำระเงินกู้ซื้อบ้าน
เมื่อวันอังคารที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย หรืออาร์บีเอ ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานหรือดอกเบี้ยนโยบาย เป็นครั้ง 10 ติดต่อกัน

โดยครั้งนี้เพิ่มขึ้น 0.25 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (cash rate) หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบาย (policy rate) ในปัจจุบันอยู่ที่ 3.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2012

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก็มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ถึงภาวะบีบคั้นจากหนี้เงินกู้ซื้อบ้าน หรือที่เรียกกันว่า mortgage stress กำลังเพิ่มตามมาด้วย ภาวะบีบคั้นจากเงินกู้ซื้อบ้าน (mortgage stress) นี้หมายถึงเมื่อรายได้ของครัวเรือนก่อนหักภาษี 30 เปอร์เซ็นต์ถูกใช้ไปกับการชำระเงินกู้ซื้อบ้าน

พบว่าร้อยละ 24.9 (จากจำนวนผู้มีเงินกู้ซื้อบ้านราว 1.19 ล้านคน) อยู่ในภาวะ 'เสี่ยง' ประสบปัญหาในการชำระหนี้เงินกู้ซื้อบ้านในช่วงสามเดือนจนถึงเดือนมกราคม ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2012 แต่ต่ำกว่าระดับสูงสุด 35.6 เปอร์เซ็นต์ (จากจำนวนผู้มีเงินกู้ซื้อบ้านราว 1.455 ล้านคน) ในช่วงวิกฤตการเงินโลกเมื่อต้นปี 2009 ตามรายงานของบริษัทวิจัยรอย มอร์แกน

หากคุณกำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้เงินกู้ซื้อบ้าน นี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้

จะทำอย่างไรหากประสบความยากลำบากในระยะสั้น?

ธนาคารเสนอความช่วยเหลือในสถานการณ์ยากลำบาก (hardship assistance) ให้แก่ผู้ที่ประสบเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบในแง่ลบชั่วคราวต่อกระแสเงินสดของพวกเขา

นี่อาจเนื่องมาจากการว่างงาน การเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บร้ายแรง หรือการเสียชีวิตของบุคคลในครอบครัว ซึ่งทำให้ผู้มีหนี้เงินกู้ซื้อบ้านไม่สามารถทำงานได้

หากคุณตกอยู่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว สิ่งสำคัญคือต้องติดต่อธนาคารผู้ให้กู้ของคุณโดยเร็วที่สุด รองศาสตราจารย์แอนดรูว์ แกรนท์ อาจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าว

"หากมีหลักฐานที่เพียงพอ สถาบันการเงินส่วนใหญ่ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ" รองศาสตราจารย์แกรนท์กล่าว "พวกเขาไม่ต้องการสูญเสียลูกค้าอย่างคุณ"
Pedestrians walking past the Reserve Bank of Australia building in Sydney.
อาร์บีเอได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานหรือดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อควบคุมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและลดอัตราเงินเฟ้อ Source: AAP / Bianca De Marchi
เขากล่าวว่า คุณอาจสามารถเจรจาขอ 'ช่วงพักจากการชำระหนี้เงินกู้ซื้อบ้าน' (mortgage holiday) ซึ่งก็คือการเลื่อนการชำระหนี้ได้ แต่นั่นหมายความว่าคุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับช่วงพักชำระหนี้ เมื่อกลับมาเริ่มชำระหนี้อีกครั้ง

คุณโคล็ด วอน อาร์ซ ที่ปรึกษาทางการเงินที่ทำงานที่ศูนย์กฎหมายเพื่อผู้บริโภค Consumer Action Law Center กล่าวว่า เขามักจะช่วยเหลือผู้ที่มาขอคำปรึกษาด้วยการผลักดันให้ธนาคารที่ให้กู้ปรับโครงสร้างเงินต้นเสียใหม่โดยให้รวมดอกเบี้ยสำหรับช่วงที่พักชำระหนี้เข้าไปในเงินต้นด้วย (recapitalise the deferred interest)

นี่หมายความว่า เงินต้นจะถูกปรับโครงสร้างให้รวมเอาดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในช่วงพักชำระหนี้เข้าไปด้วย ซึ่งเขากล่าวว่าอาจเพิ่มจำนวนที่ต้องผ่อนชำระคืนในอนาคตให้สูงขึ้นเล็กน้อย แต่หมายความว่าผู้มีเงินกู้ซื้อบ้านจะไม่ต้องชำระเงินคืนเป็นเงินก้อนโต เมื่อ 'ช่วงพักจากการชำระหนี้เงินกู้ซื้อบ้าน' (mortgage holiday) ของพวกเขาสิ้นสุดลง

"นั่นเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าการเลื่อนชำระหนี้ (deferment) เพราะการเลื่อนชำระหนี้หมายความว่า คุณต้องชำระค่าดอกเบี้ยที่ค้างจ่ายและชำระคืนในระยะเวลาอันสั้น และบ่อยครั้งก็อาจทำให้ผู้คนอยู่ในสถานะที่เลวร้ายลง"

คุณ วอน อาร์ซ กล่าวว่า อีกทางเลือกหนึ่งที่คุณสามารถปรึกษากับธนาคารของคุณได้คือ เปลี่ยนเป็นการชำระดอกเบี้ยอย่างเดียว (interest-only) สักระยะหนึ่ง

“นั่นสามารถช่วยประวิงเวลาสำหรับผู้มีเงินกู้ซื้อบ้านไปได้บ้าง เพราะมันหมายความว่าพวกเขาจะต้องหาเงินน้อยลงมาจ่าย” คุณ วอน อาร์ซ กล่าว "แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพราะคุณชำระส่วนที่เป็นเงินต้นของคุณเลย เว้นแต่คุณจะนำเงินไปจ่ายเพิ่มอย่างรวดเร็วในภายหลัง"

แล้วถ้าประสบปัญหาในระยะยาวล่ะ?

คุณ วอน อาร์ซ กล่าวว่าธนาคารมักจะไม่เต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ เพียงเพราะอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

“พวกเขาอาจให้ความช่วยเหลือเป็นเวลาหนึ่งหรือสองเดือน เพื่อให้ลูกค้าสามารถหาทางออกว่าควรทำอย่างไรในระยะยาว” คุณ วอน อาร์ซ กล่าว "ลูกค้าทุกคนมีสิทธิ์ขอความช่วยเหลือในสถานการณ์ยากลำบาก (hardship assistance) แต่ทุกธนาคารก็มีสิทธิ์ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ"

คุณ วอน อาร์ซ กล่าวว่า กลุ่มที่ปรึกษาทางการเงิน เช่น National Debt Helpline พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้คนในการฝ่ามรสุมทางการเงิน โดยพวกเขาสามารถช่วยลูกค้าหาทางออมเงินจากงบประมาณครัวเรือน ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเจรจากับผู้ให้กู้ และช่วยบริหารจัดการหนี้สิน
คุณ วอน อาร์ซ แนะนำให้ทุกคนพยายามขออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจากธนาคารผู้ให้กู้ของพวกเขา หากธนาคารปฏิเสธ เขากล่าวว่าก็อาจคุ้มค่าที่จะพิจารณารีไฟแนนซ์ และขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ (mortgage broker)

ร.ศ.แกรนท์ กล่าวว่า ผู้ที่รู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องลดจำนวนเงินที่ผ่อนชำระหนี้ลงในระยะยาวก็อาจพิจารณาขยายระยะเวลาจำนอง (mortgage term) ผ่านการรีไฟแนนซ์ แต่นั่นหมายถึงการจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นตลอดอายุของเงินกู้ และมักเป็นทางเลือกที่ทำได้สำหรับผู้ที่ได้ชำระหนี้คืนนานสักระยะหนึ่งแล้วและสร้างทุนสะสม (equity) ไว้บางส่วน

คุณ วอน อาร์ซ กล่าวว่า เขาบอกลูกค้าของเขาว่า สิ่งสำคัญคือต้องมี "แผนสำรอง" หากทางเลือกในการผ่อนปรนอื่นๆ ไม่ได้ผล ซึ่งอาจเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือการเข้าถึงเงินสะสมหลังเกษียณ (เงินซูเปอร์)

“เรามักพูดเสมอว่าการขายบ้านของคุณด้วยตัวเอง ดีกว่าการให้ธนาคารดำเนินการให้คุณ เนื่องจากคุณจะเป็นผู้ควบคุมกระบวนการทั้งหมด” คุณ วอน อาร์ซ กล่าว

“หากบ้านของคุณตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงถูกธนาคารยึดในอีกไม่ช้า มีขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้คือ การเข้าถึงเงินสะสมหลังเกษียณจากเหตุผลที่น่าเห็นอกเห็นใจ (compassionate grounds) ซึ่งก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่ง” คุณ วอน อาร์ซ กล่าวเสริม

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะหยุดเมื่อใด

ธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย (อาร์บีเอ) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานหรือดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อควบคุมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและลดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่ที่ 7.8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงหนึ่งปีจนถึงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะต่ำกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ที่ธนาคารกลางได้คาดการณ์ไว้ แต่เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดประจำปีนับตั้งแต่ปี 1990

ในคำแถลงเกี่ยวกับนโยบายการเงินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ อาร์บีเอคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 4.75 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปีนี้ และประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ภายในกลางปี 2025 อาร์บีเอต้องการเห็นอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ช่วง 2-3 เปอร์เซ็นต์

ธนาคารขนาดใหญ่ 3 ใน 4 แห่ง ได้แก่ ANZ, NAB และ Westpac คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานจะสูงสุดที่ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ Commonwealth Bank คาดการณ์ว่าจะแตะ 3.85 เปอร์เซ็นต์ภายในกลางปี

Commonwealth Bank คาดว่า อาร์บีเอจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปลายปีนี้ ในขณะที่ NAB และ Westpac คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้า

ANZ คาดการณ์ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลงในเดือนพฤศจิกายน 2024

คำสงวนสิทธิ์และปฏิเสธความรับผิดชอบ: บทความนี้เป็นข้อมูลทั่วไป โปรดติดต่อผู้เชี่ยวชาญหากคุณต้องการคำแนะนำทางการเงิน

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


Share
Published 13 March 2023 11:43am
By David Aidone
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand