ทำไมวัคซีนโควิดเข็ม 4 อาจไม่พอต้านสายพันธุ์ย่อยโอมิครอนตัวใหม่

ผู้ที่มีสิทธิ์รับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น เข็มที่ 4 มีจำนวนหลายล้านคน แต่หน่วยงานให้คำปรึกษาเรื่องวัคซีนของออสเตรเลียกล่าวว่าวัคซีนอาจไม่พอที่จะหยุดการติดเชื้อโอมิครอนระลอกใหม่

Person getting vaccine

เจ้าหน้าที่กำลังฉีดวัคซีน Source: Pexels/Gustavo Fring

ประชากรออสเตรเลียที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปสามารถรับ นับเป็นความพยายามจัดการคลื่นไวรัสโอมิครอน (Omicron) สายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ ในฤดูหนาวนี้

รัฐบาลกลางได้รับคำแนะนำจากองค์กรที่ปรึกษาเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันแห่งออสเตรเลีย (Australian Technical Advisory Group on Immunisation - ATAGI) ว่าผู้ที่มีอายุระหว่าง 50 - 64 ปี ควรรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 หรือที่เรียกว่า “เข็มฤดูหนาว (winter dose)”

การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนี้เริ่มเมื่อเมื่อวันจันทร์ที่ 11 กรกฏาคม และคาดว่าจะมีประชากรออสเตรเลียกว่า 7 ล้านคนที่จะออกมาฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 ขณะที่การติดเชื้อโควิด-19 และผู้ป่วยในโรงพยาบาลเริ่มพุ่งสูงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
มาตรการนี้เป็นการรับมือการระบาดของ ซึ่งเป็นสาเหตุของความกังวลกับระบบสาธารณสุขที่กำลังรับมือหนัก ฤดูหนาวนี้

แต่  ATAGI เตือนว่า แม้จะแนะนำให้ประชาชนออสเตรเลียออกไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น เข็มที่ 4 แต่วัคซีนยังคงมีประสิทธิผลในการควบคุมการระบาดไม่มากนัก

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สิ่งที่แต่ละบุคคลและชุมชนสามารถทำได้ในการควบคุมการระบาดระลอกใหม่นี้ เพื่อลดอาการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงและการเสียชีวิตได้ มีดังนี้

 

การแพร่เชื้อคือปัจจัยหลัก

คุณแนนซี แบ็กซ์เทอร์ (Nancy Baxter) ประธานคณะฝ่ายประชากรและสุขภาพนานาชาติแห่งมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น (Melbourne School of Population and Global Health at the University of Melbourne) กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือความเข้าใจว่า เมื่อพูดถึงบีเอ.4 (BA.4) และ บีเอ.5 (BA.5) สายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ของโอมิครอน

“การแพร่เชื้อคือเรื่องใหญ่” คุณแบ็กซ์เทอร์กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์ (SBS News)
“สายพันธุ์ย่อยตัวใหม่นี้เป็นตัวร้ายในแง่ของความสามารถเร็ดลอดระบบภูมิคุ้มกันของเราได้ สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า และติดเชื้อได้ง่าย แม้ว่าคุณจะได้รับวัคซีนหรือติดเชื้อโควิดแล้ว” คุณแบ็กซ์เทอร์กล่าว

ศาสตราจารย์แบ็กซ์เทอร์กล่าวว่า สายพันธุ์บีเอ 4 และบีเอ 5 เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เร็ดลอดระบบภูมิคุ้มกันได้สำเร็จและยังคงเป็นสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้ง่าย

“วิธีที่มันออกแบบตัวมันเองเพื่อหลีกเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และความสามารถนี้ทำให้ไวรัสมีความเหนียวมากขึ้น ติดอยู่ได้ทนขึ้น” คุณแบ็กซ์เทอร์กล่าว

 

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

ศาสตราจารย์แบ็กซ์เทอร์กล่าวว่า เหตุผลสามประการที่นำมาสู่การติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่

ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่เริ่มระบาดช่วงต้นฤดูหนาวในออสเตรเลีย มาตรการด้านสาธารณสุขต่างๆ ลดลง และประสิทธิภาพของวัคซีนและภูมิคุ้มกันของประชาชนต่อโควิด-19 ลดลง

“เรากำลังมีสภาพแวดล้อมที่ไวรัสสามารถระบาดได้ และเรามีการปกป้องน้อยลง เรามีไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่แพร่เชื้อได้เร็วขึ้น” ศาสตราจารย์แบ็กซ์เทอร์อธิบาย
นอกจากนี้ จำนวนของเข็มกระตุ้น เข็มที่ 3 ลดน้อยลง โดยมีประชากรเพียง 70.6 เปอร์เซ็นต์ที่ฉีดเข็มกระตุ้น ตามรายงานของสาธารณสุข

คุณแคสแซนดรา เบอร์รี (Cassandra Berry) ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยา จากมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อก (Murdoch University) จากเพิร์ธ บรรยายว่าเป็นสิ่งที่ “ไม่สมเหตุสมผล”

“หากคุณไม่แข็งแรง คุณจะไม่สามารถทำธุรกิจได้ และคุณไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ หากคุณไม่สามารถรักษาชีวิตได้ ก็ไม่มีชีวิตไหนคุ้มค่า” คุณเบอร์รี่เปรียบ

“เราต้องการบางสิ่งที่มากระตุ้นและต้องตื่นตัวอย่างมากในตอนนี้”

 

เราจะเพิ่มประสิทธิผลของวัคซีนได้อย่างไร?

ATAGI แจ้งไว้อย่างชัดเจนว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็มที่ 4 จะมีบทบาทที่สำคัญและบทบาทที่จำกัดในการควบคุมการระบาด เรียกร้องให้ประชาชนใช้มาตรการด้านสาธารณสุขที่รัดกุมมากขึ้น ควบคู่กับการฉีดวัคซีนโควิด-19

รวมถึง การกลับมาสวมใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม และการล้างมือและฆ่าเชื้อเป็นประจำ รวมถึงการใช้ยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

“การชนข้อศอกทักทายกันนั้นหายไปแล้ว แต่มาตรการต่างๆ ทางสังคมนั้นยังคงสำคัญในการแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้คนที่มีสุขภาพดี” ศาสตราจารย์เบอร์รีกล่าว

นักวิจารณ์บางคนเรียกร้องให้รัฐบาลนำกฎการบังคับสวมใส่หน้ากากอนามัยกลับมา แต่นายมาร์ก บัตเลอร์ (Mark Butler) รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐบาลกลางกล่าวว่าออสเตรเลียนั้นไม่อยู่ในการบังคับสวมใส่หน้ากากอีกต่อไป

“คำเตือนคือ ‘มีความรับผิดชอบ ตัดสินใจเลือกเอง” นายบัตเลอร์กล่าวกับสำนักข่าวเอบีซี (ABC) เมื่อวันศุกร์ที่ 8 กรกฏาคม
ขึ้นปีที่ 3 ของการระบาดและเราควรแน่ใจว่าประชาชนรู้สึกว่าพวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยตนเอง

ศาสตราจารย์แบ็กซ์เทอร์กล่าวว่า แทนที่จะบังคับใช้มาตรการบังคับสวมใส่หน้ากากอนามัยอีกครั้ง เธอหวังว่าประชากรออสเตรเลียจะเลือกสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วยตนเองก่อน และนักการเมืองควรเป็นตัวอย่างที่ดี

“ฉันหวังว่า ผู้คนจะมองไปรอบๆ และพูดว่า ‘ฉันควรใส่หน้ากากเพื่อปกป้องตัวฉันเองและชุมชนของฉัน’ และเราไม่จำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการ เพราะพวกเขาจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง” ศาสตราจารย์แบ็กซ์เทอร์กล่าว

“หากเราต้องใช้มาตรการบังคับสวมใส่หน้ากาก เพื่อให้นักการเมืองของเราสวมใส่หน้ากาก เราก็จำเป็นต้องมีการใช้มาตรการนั้น”

 

เราต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นตลอดไปหรือไม่?

ศาสตราจารย์เบอร์รีกล่าวว่าประชาชยนต้องเผชิญความจริงที่ว่าวัคซีนโควิด-19 อาจอยู่กับเราไปตลอดชีวิต

“เกราะป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนกระตุ้น และฉันคิดว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นจะอยู่กับเราตลอดไป ตราบใดที่มีโควิด เหมือนกับที่เรามีไข้หวัดใหญ่” ศจ.เบอร์รีกล่าว
Covid vaccine
วัคซีนโควิด Source: Pexels/Maksim Goncharenok
ทั้งศาสตราจารย์แบ็กซ์เทอร์และศาสตราจารย์เบอร์รีชี้ว่า วัคซีนที่ใช้กันทั่วโลกตอนนี้เป็นวัคซีนที่ผลิตเพื่อต้านสายพันธุ์อัลฟา (Alpha) หนึ่งในสายพันธุ์แรกเริ่มของโควิด-19

องค์การบริหารควบคุมสินค้าเพื่อการรักษา (Therapeutic Goods Administration)  คาดสามารถควบคุมสายพันธุ์บีเอ.4 และบีเอ.5 ได้อย่างดี และคาดว่าวัคซีนกระตุ้นจะอยู่ต่อไป

“เพื่อให้เรามีจำนวนผู้ที่อาจเสียชีวิตน้อยที่สุด มีผู้ป่วยที่อาจต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยที่สุด มีผู้ที่อาจมีปัญหาเรื่องสุขภาพเพราะโควิด-19 น้อยที่สุด เราต้องดำเนินการต่อไป ด้วยมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับอีก 2 ปีข้างหน้า” ศจ. แบ็กเทอร์กล่าว

 

ทำไมผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีถึงรับวัคซีนเข็มที่ 4 ไม่ได้?

ขณะนี้ ATAGI ยังไม่มีคำแนะนำในการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่สองสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ยกเว้นว่าพวกเขามีโรคประจำตัวที่เสี่ยงที่จะมีอาการหนัก หากติดเชื้อโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เบอร์รีกล่าวว่า จะเป็นการดีหากประชาชนที่มีอายุระหว่าง 20 ปี สามารถได้รับการปกป้องจากการติดและแพร่ไวรัส

ตามข้อมูลทางสุขภาพของรัฐบาล เมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 ประชากรออสเตรเลียที่มีอายุระหว่าง 20-29 ปี เป็นกลุ่มที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกสูงที่สุด เนื่องจากมีการเดินทางบ่อยและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากที่สุด

“แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิตเหมือนผู้ที่มีอายุมากกว่า ผู้ที่เปราะบางมากกว่า พวกเขายังคงติดเชื้อและสามารถติดเชื้อได้อีกกับสายพันธุ์โอมิครอนตัวใหม่นี้ และแพร่เชื้อให้แก่ชุมชน” ศาสตราจารย์เบอร์รีกล่าว


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 13 July 2022 7:00pm
By Rayane Tamer
Presented by Chollada Kromyindee

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand