ผู้ว่าการแบงค์ชาติออสฯ กล่าวว่าบริการตัดผมกำลังผลักให้เงินเฟ้อสูงขึ้น จริงหรือ?

มิเชลล์ บูลล็อก อ้างว่าบริการ เช่น ตัดผมและทำฟัน เป็นสาเหตุของเงินเฟ้อในออสเตรเลีย นี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้

A hairdresser styles a woman's hair in a salon

ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย มิเชลล์ บูลล็อก อ้างว่าบริการ เช่น ตัดผมและทำฟัน เป็นสาเหตุของเงินเฟ้อในออสเตรเลีย Source: Getty / Sergey Pakulin

ประเด็นสำคัญ
  • มิเชลล์ บูลล็อก ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อที่ไม่ยอมลดลงง่าย ๆ นี้ ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ (demand) ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าที่คาดจึงจะควบคุมได้
  • เธอกล่าวว่า ความต้องการบริการที่เพิ่มขึ้น เช่น ทันตกรรมและการตัดผม กำลังผลักดันราคาให้สูงขึ้น
  • อัตราดอกเบี้ยอาจคงอยู่ในระดับสูงเป็นเวลาสองปีเพื่อลดภาวะเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้คนในออสเตรเลียตลอดปี 2023 และดูเหมือนว่าความกดดันดังกล่าวจะไม่ผ่อนคลายลงในเร็วๆ นี้

ตามความเห็นของผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย (RBA) การไปตัดผมและการไปหาหมอฟันกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อปัญหานี้

ในคำแถลงเมื่อคืนวันพุธ (22 พ.ย. 2023) มิเชลล์ บูลล็อก กล่าวว่า ความท้าทายด้านเงินเฟ้อที่คงอยู่จนถึงขณะนี้ เป็นความท้าทายที่ "เกิดจากปัจจัยภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และถูกผลักดันจากอุปสงค์"

“การไปทำผมและไปพบทันตแพทย์ การรับประทานอาหารนอกบ้าน กิจกรรมกีฬา และกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ นั้น ราคาของบริการเหล่านี้ทั้งหมดได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก” ผู้ว่าการธนาคารกลาง กล่าว
ความคิดเห็นของมิลเชลล์ บูลล็อก ถูกนำไปกล่าวเป็นเรื่องขำขัน และกลายเป็นประเด็นสนทนากันบนโซเชียลมีเดีย แต่การนัดไปตัดผมหรือไปทำฟันของคุณอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นได้จริงหรือ?

นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้

เงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยภายในประเทศคืออะไร?

ประเด็นสำคัญของสิ่งที่ มิเชลล์ บูลล็อก ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย กล่าวคือ แนวคิดเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่ขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภายในประเทศ

คุณ เชน โอลิเวอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ เอเอ็มพี (AMP) กล่าวว่าภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยภายในประเทศมาจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ มากกว่าจะมาจากปัจจัยในต่างประเทศ เช่น การรุกรานยูเครนของรัสเซีย หรือผลกระทบต่อเนื่องของการระบาดของโควิด-19

เขากล่าวว่ามีความต้องการบริการเพิ่มขึ้นในออสเตรเลีย ซึ่งทำให้ผู้ให้บริการขึ้นราคาบริการเหล่านั้น
“จริงๆ แล้วมันคืออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับอุปทานที่มีในออสเตรเลีย และสภาวะในเศรษฐกิจออสเตรเลีย ซึ่งแตกต่างจากการเพิ่มขึ้นของราคาแก๊สหรือน้ำมัน ซึ่งอาจเนื่องมาจากปัจจัยระดับโลก” คุณโอลิเวอร์ กล่าว

“สภาวะที่แข็งแกร่งในเศรษฐกิจออสเตรเลียกำลังผลักดันให้เกิดการขาดแคลนสินค้าและบริการ และสร้างสภาวะที่บริษัทและธุรกิจต่าง ๆ สามารถขึ้นราคาสินค้าและบริการของตนได้”

คุณ โอลิเวอร์ กล่าวว่า ความต้องการสินค้าและบริการ (อุปสงค์) ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน รวมทั้ง "ความเฟื่องฟูด้านการใช้จ่าย" ช่วงหลังโควิด-19 และการเติบโตของจำนวนประชากร

“เราเริ่มเห็นการใช้จ่ายต่อคนชะลอตัวลง แต่เราได้เห็นการพุ่งสูงขึ้นของจำนวนผู้คนในออสเตรเลียจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของจำนวนประชากร”

“นั่นหมายความว่าในขณะที่บุคคลทั่วไปมีการใช้จ่ายน้อยลง แต่จำนวนการใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นและมีความต้องการบริการและที่อยู่อาศัยมากขึ้น”
A woman with brown hear wearing glasses and a suit
มิเชลล์ บูลล็อก ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า ต้องใช้เวลากว่าที่ภาวะเงินเฟ้อจะลดลง Source: AAP / Mick Tsikas
ศาสตราจารย์จีจี้ ฟอสเตอร์ จากคณะเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของราคายังได้รับแรงหนุนจากธุรกิจต่าง ๆ ที่เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและปัญหาด้านพนักงาน

“มีความยากลำบากและความกดดันต่ออุปทานสำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย คุณเห็นป้าย 'กำลังต้องการลูกจ้าง' ทุกที่ และแรงงานที่มีทักษะก็ขาดแคลน ... ธุรกิจต่าง ๆ ไม่สามารถจัดหาให้ตลาดได้ตามจำนวนที่ตลาดต้องการ” ศ.ฟอสเตอร์ กล่าว

"เมื่อซัพพลายเออร์ไม่สามารถจัดหาบริการต่าง ๆ เข้าสู่ตลาดได้ ราคาก็จะสูงขึ้น เนื่องจากเรามีการขาดแคลนอุปทาน (supply) และมีอุปสงค์ (demand) ที่แข็งแกร่ง"

ทั้งหมดนี้หมายความอย่างไรสำหรับอัตราดอกเบี้ย?

อาร์บีเอ ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้วเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (ดอกเบี้ยนโยบาย) 0.25 เปอร์เซ็นต์ ทำให้อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเพิ่มสู่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี ที่ 4.35 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤศจิกายน (2023)

โดยเป็นการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานอีกครั้ง หลังจากคงที่มาหลายเดือน
รายงานการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางในเดือนพฤศจิกายนแสดงให้เห็นว่า มีการหารือกันเรื่องการระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกเดือนหนึ่ง

แต่โอกาสที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยยังคงมีอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร

คุณโอลิเวอร์กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้อาจเพียงพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง แต่อาร์บีเอจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานการอีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่จะมีเข้ามา

“เราคิดว่า อาร์บีเอได้ทำเพียงพอแล้ว แต่ความเสี่ยงที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งยังคงสูงอยู่” คุณโอลิเวอร์ กล่าว

"หลายสิ่งหลายอย่างที่ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจบางอย่างที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์หน้า ตัวเลขยอดค้าปลีกและดัชนี CPI ดังนั้นหากข้อมูลเหล่านี้อยู่ในระดับสูง ก็อาจจะส่งผลให้อาร์บีเอต้องประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม แต่ผมคิดว่ามีแนวโน้มมากกว่าที่สถิติเหล่านั้นจะอ่อนตัวและนั่นจะทำให้อาร์บีเอคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ที่เดิม”

แรงกดดันด้านค่าครองชีพจะบรรเทาลงเมื่อใด?

เมื่อปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานเป็นแรงกดดันหลักด้านราคาที่อยู่เบื้องหลังภาวะเงินเฟ้อ ที่ผ่านมาใช้เวลาเพียงราวเก้าเดือนเท่านั้นที่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงจาก 8 เปอร์เซ็นต์ เป็น 5.5 เปอร์เซ็นต์
การผลักดันให้เงินเฟ้อกลับมาอยู่ภายในระดับเป้าหมายของธนาคารกลาง ที่ 2-3 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณสองปี

“เราคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกสองปีกว่าที่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงมากเช่นนั้นอีกครั้ง และเคลื่อนตัวอยู่ในอัตราต่ำกว่า 3 เปอร์เซ็นต์” ศ.ฟอสเตอร์ กล่าว

"นี่เป็นเพราะงานที่เหลือส่วนใหญ่ในการนำอัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่ระดับเป้าหมายนั้น จะต้องอาศัยการนำอุปสงค์รวมและอุปทานรวมให้มาอยู่ในระดับเดียวกันมากกว่านี้”

“นั่นคือสิ่งที่คณะกรรมการธนาคารกลางตั้งเป้าที่จะทำสำหรับนโยบายการเงินคือ ชะลอการเติบโตของอุปสงค์ให้มากพอที่จะนำอัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่ระดับเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็รักษาการจ้างงานให้เติบโต”

ศ.ฟอสเตอร์กล่าวว่า เธอคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีเพื่อทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อและค่าครองชีพคลี่คลายลง

“ปัญหาเหล่านี้ที่เราเห็นในระบบเศรษฐกิจเรื่องการหยุดชะงักของอุปทาน อุปสงค์ที่มีเข้ามา และนิสัยความเคยชินของลูกจ้าง เป็นปัญหาทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่ฝังรากลึก และใช้เวลานานในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น” ศ.ฟอสเตอร์ กล่าว

“ฉันไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่ฉันไม่คิดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้ภายในปีหน้า”


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


Share
Published 24 November 2023 11:58am
By Jessica Bahr
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS, AAP


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand