มองอนาคตโควิดออสฯ หนาวนี้ 'สายพันธุ์ใหม่-บูสเตอร์เข็ม 4'

หน่วยงานสาธารณสุขออสเตรเลียกำลังขอให้ประชาชนที่มีสิทธิ์รับวัคซีนราว 6.3 ล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีด “วัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3” ไปจองนัดรับการฉีด ขณะที่ฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ผู้เชี่ยวชาญเริ่มจับตาความรุนแรงของไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย “บีเอ 2” และความเป็นไปได้ที่จะเกิดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 4 ที่อาจเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้

A woman receives a COVID-19 vaccine at a pop-up vaccination clinic at the National Centre of Indigenous Excellence in Redfern, Sydney, on 4 September 2021

A woman receives a COVID-19 vaccine at a pop-up vaccination clinic at the National Centre of Indigenous Excellence in Redfern, Sydney, on 4 September, 2021. Source: AAP/Dan Himbrechts

ประเด็นสำคัญ

  • จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย “บีเอ.2” และฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและโรคระบาดเฝ้าจับตาการปรากฏขึ้นของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงความสามารถในการแพร่กระจาย และความรุนแรงของอาการเมื่อได้รับเชื้อ

  • ความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โควิด-19 ออสเตรเลียนั้นถือว่าทำได้ดีเมื่อเทียบกับนานาประเทศ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าควรเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นวงกว้างกว่านี้ พร้อมยกตัวอย่างกรณีศึกษาหลายด้านจากในหลายประเทศ

  • ในส่วนของวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 4 แพทย์สาธารณสุขคาดว่าประชาชนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ในระยะเวลาอีกประมาณ 6 เดือนข้างหน้า และอีกประมาณ 2-3 เดือนข้างหน้าสำหรับคนทำงานความเสี่ยงสูง และคนทำงานด่านหน้า ขณะที่ยังไม่มีการฟันธงว่าจะมีการประกาศเป็นมาตรการบังคับหรือไม่


ขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ของวิกฤตการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา ประชาชนในออสเตรเลียได้สัมผัสกับเชื้อไวรัสอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย “บีเอ.2” ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สิ่งที่จะปกป้องเราไปตลอดฤดูหนาวนี้คือวัคซีนเข็มกระตุ้น มากกว่าภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อครั้งก่อนหน้า

องค์การอนามัยโลกได้ระบุว่า ขณะที่ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย บีเอ.2 สามารถแพร่ระบาดได้มากขึ้น แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะทำให้ผู้คนป่วยหนักกว่าเดิม อย่างไรก็ดี ที่พบว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้สามารถแพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอน บีเอ 1 ถึงร้อยละ 40 และทำให้หนูแฮมเตอร์ที่ได้รับเชื้อมีอาการป่วยหนักกว่าเดิม
จากการตรวจสอบหลายระดับของเราได้ชี้แนะว่า ความเสี่ยงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน บีเอ.2 สำหรับสุขภาพในระดับโลกนั้นสูงกว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์บีเอ.1 การศึกษาดังกล่าวให้ข้อสรุป
เมื่อสภาพอากาศในออสเตรเลียเริ่มเย็นลง และผู้คนกำลังกลับเข้าไปอยู่ในอาคารสถานที่มากขึ้น การฉีดวัคซีนบูสเตอร์มีความสำคัญอย่างไร ออสเตรเลียคืบหน้าไปแค่ไหนเมื่อเทียบกับนานาประเทศ จะเพียงพอหรือไม่ที่จะปกป้องเราจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน บีเอ.2 และสายพันธุ์อื่น ๆ ในอนาคต รวมถึงคำถามสำคัญที่ว่า วัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 4 จะมาถึงเมื่อไหร่ก่อนที่ฤดูหนาวกำลังจะมาถึง

โครงการวัคซีนบูสเตอร์ของออสเตรเลียไปถึงไหนแล้ว

จากจำนวนประชาชนในออสเตรเลียที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป และมีสิทธิได้รับวัคซีนโควิด-19 โดสที่ 3 จำนวน 18,793,478 คน จากระบุว่า มีประชาชนจำนวน 12,455,925 คน (หรือคิดเป็นร้อยละ 66.3) ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว

อัตราส่วนประชาชนที่มีสิทธิ์รับวัคซีนโควิดที่ได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 แล้ว จำแนกเป็นรายรัฐและมณฑล

  • รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (WA) สูงที่สุดในประเทศ คิดเป็นร้อยละ 85
  • มณฑลนครหลวงออสเตรเลีย (ACT) คิดเป็นร้อยละ 73.4
  • รัฐเซาท์ออสเตรเลีย (SA) คิดเป็นร้อยละ 70.2
  • รัฐแทสเมเนีย (TAS) คิดเป็นร้อยละ 68.6
  • รัฐวิกตอเรีย (VIC) คิดเป็นร้อยละ 67.5
  • มณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี (NT) คิดเป็นร้อยละ 66
  • รัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW) คิดเป็นร้อยละ 62.2
  • รัฐควีนส์แลนด์ (QLD) คิดเป็นร้อยละ 61.1
ส่วนจำนวนชนพื้นถิ่นออสเตรเลียที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดมากกว่าสองโดสอยู่ที่ 179,137 คน คิดเป็นร้อยละ 49

ขณะเดียวกัน ผู้สูงวัยในสถานดูแลผู้สูงอายุ ร้อยละ 92.8 และผู้ที่เข้าร่วมโครงการ NDIS ร้อยละ 70.6 ได้รับการฉัดวัคซีนโควิด-19 แล้วมากกว่า 2 โดส

หน่วยงานสาธารณสุขทั่วออสเตรเลียกำลังผลักดันให้ผู้คนไปรับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว ซึ่งยังมีอัตราการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ล้าหลังกว่ากลุ่มประชาชนโดยทั่วไป

ประชาชนในออสเตรเลียที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป สามารถจองนัดหมายเพื่อรับวัคซีนบูสเตอร์ได้แล้ว หากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 มาแล้วเป็นเวลา 3 เดือนหรือมากกว่า หากได้รับผลการตรวจหาไวรัสโควิด-19 เป็นบวก พวกเขาสามารถรับวัคซีนโดสต่อไปได้เมื่อหายดีแล้ว หรือเลื่อนเวลาในการรับวัคซีนออกไปได้สูงสุด 4 เดือนหลังจากการติดเชื้อ

ศาสตราจารย์นาธาน กริลส์ (Nathan Grills) ศาสตราจารย์และแพทย์สาธารณสุขจาก Nossal Institute at the Melbourne School of Population and Global Health กล่าวว่า หลังจากความสำเร็จของโครงการเปิดตัววัคซีนโควิดโดสแรกเมื่อปีที่ผ่านมา เขาเชื่อว่าเรากำลัง “ตามหลังจุดที่เราควรจะเปิดตัววัคซีนบูสเตอร์”

เขากล่าวว่า มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประชาชนที่จะพึงระลึกว่า การป้องกันหลังการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป 5-6 เดือน
คุณจะยังได้รับการปกป้องบางส่วนจากโรคติดต่อที่รุนแรง แต่ในที่สุดแล้วการป้องกันจากการติดเชื้อก็จะลดลงเป็นศูนย์ แต่วัคซีนบูสเตอร์จะเพิ่มการปกป้องของคุณจากการได้รับไวรัสนี้ได้มากถึง 50% และจะลดโอกาสที่คุณจะมีอาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงได้ 90% ศาสตราจารย์กริลส์ กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์
นายกริลส์ ยังกล่าวอีกว่า วัคซีนบูสเตอร์ยังลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว เช่น ลองโควิด (long COVID) และความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังครอบครัวอีกด้วย

ศาสตราจารย์แคเธอรีน เบนเนตต์ (Prof Catherine Bennett) ประธานด้านระบาดวิทยา จากสถาบันเพื่อการปฏิรูปสุขภาพ มหาวิทยาลัยดีกิน (Deakin University’s Institute for Health Transformation) กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าเราได้พบเห็นอัตราการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ในกลุ่มเปราะบางเพิ่มขึ้นถือเป็น “เป็นข่าวดี” แต่ก็ได้กล่าวอีกว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญมาก” ในการได้พบเห็นอัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้นในหมู่ประชากร

“ไวรัสกำลังแพร่กระจายในชุมชน และมันจะยังคงแพร่กระจายต่อไป เราในฐานะประชากรซึ่งมีภูมิคุ้มกันที่กว้างขวางเช่นนั้น ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่การมีการปกป้องเพิ่มเติมจากวัคซีนบูสเตอร์สามารถสร้างความแตกต่างได้จริง ๆ” ศาสตราจารย์เบนเนตต์ กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์

“หากมีผู้ได้รับวัคซีนบูสเตอร์อย่างเพียงพอในหมู่ประชากร นั่นจะไม่หยุดการแพร่กระจายของไวรัส แต่ที่แน่นอนก็คือ มันจะช่วยให้การแพร่กระจายช้าลง”

โครงการวัคซีนบูสเตอร์ของออสเตรเลียเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

จากข้อมูลโดย พบว่า ร้อยละ 18.5 ของประชากรทั่วโลก ได้รับวัคซีนบูสเตอร์โควิด-19 เข็มที่ 3 แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มีอยู่นั้นมุ่งไปที่อัตราร้อยละของประชากรทั้งหมดในแต่ละประเทศ มากกว่าจำนวนประชากรที่มีสิทธิ์ทั้งหมดที่ได้รับวัคซีนบูสเตอร์แล้ว

ส่วนในออสเตรเลียนั้นยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยประชากรร้อยละ 48.3 จากทั้งหมด ได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 แล้ว

โดยประเทศชิลีครองอันดับโลกสูงสุด มีประชากรร้อยละ 77.4 จากทั้งหมดที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มสามแล้ว ตามมาด้วยประเทศสิงคโปร์ที่ร้อยละ 69.3 อิตาลีที่ร้อยละ 63.6 และเดนมาร์กที่ร้อยละ 62.1

ส่วนประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนเข็มสามต่ำที่สุดคือประเทศอินเดีย มีประชาชนเพียงร้อยละ 1.4 จากทั้งหมดที่ได้รับวัคซีน ตามมาด้วยบังกลาเทศที่ร้อยละ 3.5 และรัสเซียที่ร้อยละ 8.7

อัตราการฉีดวัคซีนเข็มสามในระดับสูงในประเทศที่มีรายได้สูงบางประเทศนั้น มาจากการเปิดตัววัคซีนโดสแรกและโดสที่สองอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนบูสเตอร์ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เบนเนตต์ กล่าวว่า การเพิ่มจำนวนของระดับการได้รับวัคซีนบูสเตอร์ในหลายประเทศ “เริ่มแผ่วลง” ซึ่งรวมถึงในออสเตรเลียด้วย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ และอัตราการเสียชีวิตนั้นกำลังรุนแรงขึ้น

ฮ่องกง (มากกว่า 260 คนต่อประชากร 1 ล้านคน เมื่อเทียบกับออสเตรเลียที่ 6.4 คนในอัตราส่วนเดียวกัน) มีอัตราการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ในระดับต่ำที่ร้อยละ 29.6 ของประชากรทั้งหมด

ศาสตราจารย์เบนเนตต์ กล่าวโทษในกรณีของสถานการณ์ในฮ่องกงว่า เป็นเพราะนโยบายทำให้ผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์ (COVID zero strategy) ที่กระตุ้นให้เกิดความชะล่าใจ แต่ก็ได้กล่าวว่ามันคือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญของวัคซีนบูสเตอร์
ฮ่องกงมียอดผู้เสียชีวิตสูง โชคไม่ดีที่นั่นเป็นราคาที่ต้องแลกซึ่งปรากฎอยู่ตรงหน้าเรา สำหรับประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ในระดับสูง เราจะพบเห็นภาพที่แตกต่างไปจากนี้ ศาสตราจารย์เบนเนตต์ กล่าว
ศาสตราจารย์เบนเนตต์ ยกตัวอย่างของประเทศเดนมาร์ก โดยระบุว่า “อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังอยู่ในการควบคุม และมีหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับอัตราการฉีดวัคซีนในระดับสูง”

อาจมีโควิดสายพันธุ์ใหม่ปรากฎขึ้น

ระหว่างที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะมีสายพันธุ์ใดปรากฏขึ้นมาในอนาคต ศาสตราจารย์กริลส์เชื่อว่า เป็นไปได้ที่จะมีสายพันธุ์ที่มีความอันตรายน้อยกว่า เพราะในที่สุดแล้ว ไวรัสก็ไม่ต้องการที่จะฆ่าพาหะที่พวกมันต้องพึ่งพาในการทำให้สามารถแพร่กระจายได้ต่อไป
ผมอยู่ในข้อคิดเห็นที่ว่า เป็นไปได้ที่เราจะมีไวรัสที่มีความรุนแรงน้อยกว่า แต่สามารถติดเชื้อได้มากกว่า ดูเหมือนว่าพวกมันจะครอบคลุมภูมิทัศน์ไวรัส เพราะมันมีประสิทธิภาพมากกว่าในการแพร่กระจาย ผมมั่นใจว่านั่นคือทิศทางของการที่เราจะพบเจอกับสายพันธุ์ต่าง ๆ ในอนาคต ศาสตราจารย์กริลส์ กล่าว
“แต่มันยังมีโอกาสอย่างมีนัยยะที่สายพันธุ์ต่อไปจะมีความรุนแรงมากกว่า และแพร่เชื้อได้ดีเท่ากับสายพันธุ์ในตอนนี้ และนั่นจะเป็นสถานการณ์ที่อันตรายหากคุณไม่ได้รับวัคซีนบูสเตอร์”

ดร.เดโบราห์ โครเมอร์ (Dr Deborah Cromer) เป็นผู้นำกลุ่มระบาดวิทยาโรคติดเชื้อและวิเคราะห์นโยบาย ในโครงการวิเคราะห์โรคติดเชื้อ สถาบันเคอร์บี มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ (Infection Epidemiology and Policy Analytics Group at the Infection Analytics Program at the Kirby Institute, UNSW) เธอเชื่อว่า สถานการณ์ในฤดูหนาวนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะมีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใดปรากฏขึ้น รวมถึงความรุนแรงของสายพันธุ์นั้น และไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าสายพันธุ์ที่ปรากฏขึ้นในอนาคตจะมีความรุนแรงน้อยลง

“หากมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นไปได้ว่าจะแพร่เชื้อได้สูง แต่มีความรุนแรงน้อยมาก มันก็คงจะเป็นเรื่องดี” ดร.โครเมอร์ กล่าว

“หากมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นไปได้ว่าจะแพร่เชื้อได้สูง แต่มีความรุนแรงกว่า มันคงเป็นเรื่องเลวร้าย และฉันคิดว่ามันจะเป็นปัจจัยที่ใหญ่กว่าในฤดูกาลนี้”
เชื้อโควิด-19 ยังคงแพร่เชื้อได้ดีมาก แต่สิ่งที่มันไม่ต้องการก็คือ การทำให้พาหะของพวกมันป่วยจนมันไม่สามารถแพร่กระจายได้ตลอดระยะแพร่เชื้อ เพราะพาหะจะกักตัว ตราบใดที่ยังคงมีระยะเวลาที่พวกมันสามารถแพร่กระจายได้ ฉันไม่คิดว่าความรุนแรงจะมีผลอะไรมากกับตัวไวรัส เพราะฉะนั้นแล้ว ฉันไม่คิดว่าพวกมันจะต้องพัฒนาให้มีอาการน้อยลง ฉันคิดว่าอาการของโรคไม่เกี่ยวข้องกับไวรัสนี้

วัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 4 จะมาเมื่อไหร่

พบว่า แม้วัคซีนบูสเตอร์ของไฟเซอร์ และโมเดิร์นา จะยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันอาการเจ็บป่วย ทั้งระดับปานกลางและรุนแรงจากโควิด-19 เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือนหลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันดังกล่าวลดลงอย่างมากเมื่อผ่านไปเป็นเวลา 4 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่ามีความจำเป็นจะต้องมีวัคซีนบูสเตอร์เพิ่มเติม

ขณะที่วัคซีนบูสเตอร์จะมีประสิทธิภาพร้อยละ 91 ในการป้องกันผู้ที่ได้รับวัคซีนจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลในระยะเวลา 2 เดือน แต่การป้องกันหลังจากผ่านไปแล้ว 4 เดือนลดลงมาเหลือร้อยละ 78 และหลังจากผ่านไปมากกว่า 5 เดือน ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงไปเหลือประมาณร้อยละ 31 (แต่นักวิจัยได้ตั้งข้อสังเกตว่าการประมาณนี้ “ไม่แม่นยำ” เนื่องจากขาดข้อมูลสนับสนุน)

(สำนักทะเบียนการฉีดวัคซีนแห่งออสเตรเลีย (AIR) จะพิจารณาว่าพวกเขาได้รับการฉีดวัคซีนโดยสมบูรณ์ หลังจากฉีดวัคซีนแล้วจำนวน 3 โดส)

ศาสตราจารย์กริลส์ กล่าวว่า การจับตาดูว่าจะมีวัคซีนใดที่ประกาศใช้ในฤดูหนาวนี้เป็นเรื่องน่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อมีการพูดถึงประเด็นของ “วัคซีนครอบจักรวาล” ที่สามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาคาดว่าประชาชนจะได้รับวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 4 ในเร็ว ๆ นี้

“ภายในระยะเวลา 6 เดือน ประชากรส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนโดสที่ 3 ไปแล้วเป็นระยะเวลามากกว่า 6 เดือน และภูมิคุ้มกันก็จะจางลงอย่างมาก” ศาสตราจารย์กริลส์ กล่าว
มันอาจไม่ใช่มาตรการบังคับ แต่แน่นอนว่า (วัคซีนเข็ม 4) จะสามารถเข้าถึงได้โดยประชาชนทั่วไปภายใน 6 เดือนข้างหน้า คนทำงานที่มีความเสี่ยงสูง และคนทำงานด้านสุขภาพด่านหน้า จะสามารถเข้าถึง (วัคซีนเข็ม 4) ได้เร็วกว่านั้น ผมคิดว่าน่าจะประมาณในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ด้าน ดร.โครเมอร์ กล่าวว่า วัคซีนบูสเตอร์นั้นยังคงเป็นแนวป้องกันขนาดใหญ่ที่สุด ณ จุดนี้

”สิ่งที่เรากำลังเห็นทั่วโลกก็คือ การฉีดวัคซีนและบูสเตอร์มีประสิทธิภาพอย่างมากในการป้องกันโรคติดต่อที่รุนแรง ดังนั้นหากมองในเรื่องการปกป้องตัวเราและสังคมของเราจากโรคติดต่อที่รุนแรง ดิฉันคิดว่ายิ่งผู้คนฉีดวัคซีนบูสเตอร์มากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีเท่านั้น” ดร.โครเมอร์ กล่าว
แม้ว่าจะมีสายพันธุ์ใหม่ หรือแม้เวลาจะผ่านไปนานพอสมควร วัคซีนยังคงเป็นสิ่งทีดีที่สุดที่เราใช้ในการต่อสู้เพื่อไม่ให้ผู้คนไปจบอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะฉะนั้นแล้วการฉีดวัคซีนบูสเตอร์นั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 24 March 2022 4:27pm
Updated 25 March 2022 2:59pm
By Caroline Riches
Presented by Tinrawat Banyat
Source: SBS News

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand