Explainer

ออสเตรเลียควรลดจำนวนวันกักตัวสำหรับผู้ติดโควิดหรือไม่

การลดเวลากักตัวสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 จาก 7 วันเหลือ 5 วันอาจกลายเป็นประเด็นในการประชุมรัฐบาลแห่งชาติสัปดาห์หน้า แต่สิ่งนี้ควรเกิดขึ้นหรือไม่

Passengers wearing face masks at Southern Cross Station in Melbourne

NSW Premier Dominic Perrottet has called for a national approach to COVID-19 isolation periods. Source: AAP / JOEL CARRETT

เนื้อหาสำคัญในบทความ
  • โดมินิก เพอร์โรต์เทต์ มุขมนตรีนิวเซาท์เวลส์ เรียกร้องให้ลดเวลาบังคับกักตัวผู้ติดเชื้อโควิดจาก 7 วันเหลือ 5 วัน ชงเสนอที่ประชุมคณะรัฐบาลแห่งชาติเป็นวาระระดับประเทศอีกรอบ หลังถูกปัดตกเมื่อเดือนก่อน
  • ผู้เชี่ยวชาญแบ่งฝักฝ่ายเป็น 2 ข้าง บางส่วนชี้กักตัวแล้ว 7 วันก็ยังมีบางคนแพร่เชื้อได้ ขณะที่อีกฝ่ายมองว่ากักตัวนานไม่ช่วยอะไรเพราะคนไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อเพราะไม่ไปตรวจ
  • แต่ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎใด ๆ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าควรเป็นไปด้วยการอิงตามหลักฐาน
ตามปกติแล้ว ประชาชนในออสเตรเลียที่ติดเชื้อโควิด-19 จะต้องกักตนเองเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วันนับตั้งแต่มีผลตรวจเชื้อเป็นบวก

แต่สัปดาห์นี้ โดมินิก เพอร์โรต์เทต์ มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่าเขาจะเสนอให้คณะรัฐบาลแห่งชาติ

“เราควรมีแนวทางระดับชาติ” มุขมนตรีเพอร์โรต์เทต์ กล่าว
“นั่นจะเป็นประโยชน์มากกว่าที่รัฐต่าง ๆ กำหนดนโยบายกันเอง”

ก่อนหน้านี้ มุขมนตรีเพอร์โรต์เทต์ได้หยิบยกประเด็นการลดเวลากักตัวในการประชุมรัฐบาลแห่งชาติเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่จากการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนล่าสุดที่จะถึงจุดสูงสุดในตอนนั้น จึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากคำแนะนำของศาสตราจารย์พอล เคลลี ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออสเตรเลีย

ถึงแม้ว่าออสเตรเลียจะผ่านจุดสูงสุดของโควิด-19 ไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีรายงานผู้เสียชีวิตนับสิบรายต่อวัน และมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 3,000 รายที่ยังคงรับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล

กฎกักตัวล่าสุดในออสเตรเลียและทั่วโลก


ขณะที่ระยะเวลากักตนเองภาคบังคับทั่วออสเตรเลียสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่อย่างน้อย 7 วัน แต่ข้อกำหนดในส่วนที่ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อครบหนึ่งสัปดาห์แล้วนั้นแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับเขตการปกครองของประเทศ

ในทุกรัฐและมณฑลยกเว้นมณฑลนครหลวงออสเตรเลีย (ACT) คุณจะออกจากการกักตนเองได้เมื่อผ่านไปแล้ว 7 วัน และไม่มีอาการอย่างเช่น เจ็บคอ มีน้ำมูก ไอ หายใจสั้นหรือมีไข้ หากยังมีอาการก็จะต้องกักตนเองต่อไปจนกว่าอาการของคุณจะหายดี

แม้ประชาชนในมณฑลนครหลวงออสเตรเลียจะสามารถออกจากการกักตนเองได้ในวันที่ 7 หากยังคงมีอาการอยู่ก็ตาม แต่ก็จะต้องไม่กลับไปทำงานหรือเข้าไปยังสถานที่ความเสี่ยงสูง และได้รับคำแนะนำให้ลดการสัมผัสกับผู้อื่นลงจนกว่าอาการจะหายไป
เมื่อการกักตนเองของคุณสิ้นสุดลงในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW) และเซาท์ออสเตรเลีย (SA) คุณจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อพูดหรือเมื่ออยู่ใกล้กับผู้อื่นและหลีกเลี่ยงการเข้าไปยังสถานที่ความเสี่ยงสูงเป็นเวลาอีก 3 วัน ส่วนในรัฐและมณฑลอื่น ๆ นั้นไม่มีข้อกำหนดให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหลังการกักตัวในลักษณะดังกล่าว

แต่ในทางกลับกัน ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐ ฯ “ได้รับคำแนะนำ” ให้กักตนเองเพียงอย่างน้อย 5 วัน ขณะที่ผู้ติดเชื้อในอังกฤษได้รับคำแนะนำให้ “พยายาม” อยู่แต่ในบ้าน และหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้อื่นเป็นเวลา 5 วัน

ในกรณีที่วันกักตัวเหมือนเดิม


ศาสตราจารย์ไมค์ ทูล (Prof Mike Toole) นักระบาดวิทยาและผู้ช่วยผู้วิจัยหลักจากสถาบันเบอร์เน็ทในเมลเบิร์น กล่าวว่า มีงานวิจัยใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าประมาณร้อยละ 50 ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังสามารถแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่นได้แม้ผ่านการกักตัวไปแล้ว 5 วัน

“(การกักตนเอง) ที่ระยะเวลา 10 วัน พนว่าแทบไม่มีใครแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ดังนั้นจึงอยู่ระหว่าง 5-10 วันที่คุณต้องตัดสินใจว่า ช่วงเวลาอย่างเหมาะสมที่ผู้คนควรอยู่ให้ห่างจากชุมชนนั้นคืออะไร” ศาสตราจารย์ทูลกล่าวกับเอสบีเอส นิวส์

“จากหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน ผมคิดว่าระยะเวลา 7 วันค่อนข้างดี แม้จะมีบางคนที่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้หลังจากผ่านไป 7 วัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เป็นเช่นนั้น”
ศาสตราจารย์ทูล กล่าวอีกว่า “ไม่มีเหตุผลใด” ที่ออสเตรเลียควรเสี่ยงที่จะลดเวลาการกักตนเองในตอนนี้ โดยเฉพาะหากสิ่งนั้นจะทำให้มีผู้ป่วยลองโควิดมากขึ้น และทำให้ขาดคนทำงานในระบบแรงงาน

“เราไม่ได้อะไรเลยจากการทำเช่นนี้จนกว่าเราจะมีหลักฐานมากขึ้น” ศาสตราจารย์ทูลกล่าว

“พื้นฐานในตอนนี้ควรเป็นการลดการแพร่ระบาด ซึ่งในทางเดียวกันนั้นเราจะลดอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และจะลดการเสียชีวิตด้วยเช่นกัน มันค่อนข้างเรียบง่าย”

ในกรณีที่วันกักตัวสั้นลง

ศาสตราจารย์แคทเธอรีน เบนเนทท์ (Prof Catherine Bennett) ประธานด้านระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยดีกินในรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะไม่พูดจนเกินจริงเกี่ยวกับผลกระทบที่การกักตัวมีต่ออัตราการแพร่กระจายเชื้อ

“จำนวนผู้กักตัวจะน้อยลงไปกว่าครึ่งในการติดเชื้อปัจจุบัน เพราะคนจำนวนมากไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าตนเองติดเชื้อ” ศาสตราจารย์เบนเนทท์ กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์

“มันไม่ใช่การบอกว่ามันไม่ช่วยอะไร แต่แม้กระทั่งในผู้ที่กักตัวจนครบ 7 วันก็ยังพบบ่อยครั้งว่าพวกเขาแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มกักตัว ดังนั้นมันจึงไม่ครอบคลุมประสบการณ์ทั้งหมดของพวกเขาอยู่ดี”

ศาสตราจารย์เบนเนทท์ กล่าวว่า ความกังวลว่าไวรัสจะแพร่กระจายมากขึ้นหากเวลากักตัวลดลงควรเป็นไปอย่างพอดี กับการตระหนักรู้ว่าการต้องอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก็อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่อยากตรวจเชื้อโควิด-19 เช่นกัน

“หากผู้คนคิดในทำนองว่า ‘ถ้า 5 วันฉันก็คงรับมือไหว แต่ถ้า 7 วันฉันทำไม่ได้ ฉันไม่ตรวจ’ ทุกอย่างก็พังหมด”
“ดังนั้น ระยะเวลาที่คน ๆ หนึ่งต้องกักตัวจึงมีความสำคัญน้อยกว่า เพราะคุณมีสัดส่วนของผู้คนที่ไม่มีส่วนร่วมในการตรวจเชื้อหรือไม่กักตัวเลยเป็นจำนวนมากกว่า”

ศาสตราจารย์เบนเนทท์ กล่าวว่า ไม่ว่าการตัดสินใจจะเป็นไปในทางใด มันจะต้องอ้างอิงจากหลักฐานที่มีอยู่

“ฉันคิดว่ามันสำคัญจริง ๆ ที่การตัดสินใจต่าง ๆ จะสนับสนุนด้วยคำแนะนำที่มั่นคงในส่วนของสิ่งที่ต้องทำหลังสิ้นสุดการกักตัว 1 สัปดาห์ไปแล้ว ไม่ว่าการกักตัวจะนานแค่ไหนก็ตาม รวมถึงการที่ผู้คนได้รับการแนะนำอย่างยิ่งว่า ไม่ให้ไปยังสถานที่ความเสี่ยงสูง หลีกเลี่ยงพื้นที่พลุกพล่านในอาคารสถานที่ และสวมใส่หน้ากากอนามัย” ศาสตราจารย์เบนเนทท์กล่าว

“บางครั้งมันอาจจะสำคัญกว่า ... ในการตอกย้ำความจำเป็นของการระมัดระวังให้นานขึ้น”

อนาคตที่ปราศจากการกักตัวสร้างความกลัวให้ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ดร.แดเนียล แม็กมัลเลน (Dr.Danielle McMullen) รองประธานแพทยสมาคมแห่งออสเตรเลีย (AMA) กล่าวว่า จากธรรมชาติของไวรัสโควิด-19 มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าจะสามารถยกเลิกการกักตัวได้หรือไม่และเมื่อไหร่ แต่ถ้าหากเกิดขึ้นแล้ว หน่วยงานทางการจะต้องทำให้แน่ใจว่ามีการใช้มาตรการทางสาธารณสุข เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการเจ็บป่วย โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง

“เรารู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากที่ดิ้นรนอย่างมากกับการที่เราเปิดสังคมในตอนนี้ และผู้คนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเจ็บป่วยอย่างรุนแรงจากโควิด-19 กำลังวิตกกังวลในตอนนี้ และแยกตัวออกจากสังคมหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองไปเลย เพื่อที่จะลดโอกาสของพวกเขาที่จะได้รับเชื้อ” ดร.แม็กมัลเลนกล่าวกับเอสบีเอส นิวส์

แซม คอนเนอร์ (Sam Connor) ประธานกลุ่มผู้มีความพิการแห่งออสเตรเลีย (People with Disability Australia) กล่าวว่า ความกังวลเหล่านั้นจะแย่ลงไปอีกหากมาตรการกักตัวภาคบังคับถูกยกเลิกไป
“ประชากร 41% มีความเสี่ยงที่จะป่วยอย่างรุนแรงหรือเสียชีวิตจากโควิด-19” คุณแซมกล่าวกับเอสบีเอส นิวส์

“นั่นคือผู้คนทั้งหมดที่เป็นมะเร็งตั้งแต่วัยเด็ก ผู้ที่มีปัญหาเรื่องหัวใจ ผู้ที่เป็นโรคอ้วน และมันคือจำนวนที่สูงมากอย่างน่ากลัว”

คุณคอนเนอร์ กล่าวอีกว่า เธอรู้สึกกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับผลกระทบของจำนวนผู้ที่มีอาการลองโควิดที่จะมีต่อทั้งตัวบุคคลนั้นเอง รวมถึงระบบสุขภาพโดยรวม

“แม้ฉันจะรักชุมชนของฉันเอง ฉันก็ไม่ต้องการสร้างผู้คนที่มีภาวะความพิการเพิ่มขึ้นมา” คุณแซมกล่าว


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 25 August 2022 2:08pm
By Amy Hall
Source: SBS


Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand